วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์



ชื่อนักมวย: แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

ชื่อจริง: ุญส่ง มั่นศรี

วันเดือนปีเกิด:
13 สิงหาคม 2493

ภูมิลำเนา:
จ. เพชรบูรณ์

สถิติ:
14-6-0; 11KO

เกียรติยศ
:
แชมป์ซูเปอร์ไลท์เวต
WBC (2518-2519, 2519-2521)


แล้วก็มาถึงเจ้าของหมัดซ้ายที่หนักที่สุด และใหญ่ที่สุด เพราะเป็นแชมเปี้ยนโลกรุ่น 140 ปอนด์ คนแรกและคนเดียวของประเทศไทย เอ่ยถึงเมื่อไรแฟนมวยก็พยักหน้า - รู้จักดีว่าไม่ใช่ใครที่ไหนเลย.. แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ นั่นเอง..!!

แสนศักดิ์ หรือ
"บุญส่ง มั่นศรี" ผู้มีชื่อเล่นว่า "แสบ" เป็นคนเพชรบูรณ์ เกิดเมื่อ พ..2493 เริ่มก้าวแรกบนถนนนักมวยในแบบมวยไทยมาก่อน และเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อเข้ามาอยู่ในการจัดการของ สนอง รักวานิช นักทำมวยมืออาชีพ โดยชกในรุ่นเฟเธอร์เวทและประสบชัยชนะด้วยหมัดซ้ายมาตลอด กระทั่งได้เป็นแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวต (140 ปอนด์) เวทีลุมพินีโดยชนะ สรศักดิ์ ส.
ลูกบุคคโล จากนั้นก็ขึ้นชั้นชกกับนักมวยแถวหน้าของเมืองไทยยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิชาญน้อย พรทวี ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์และพุฒ ล้อเหล็ก

แสนศักดิ์ เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ หมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นจุดเด่นอะไรที่ตรงไหน กระทั่งวันหนึ่งเขาถูกทักจาก
"พญาอินทรี" เทียมบุญ อินทรบุตร ว่า..

"ไอ้แสบ..เอ็งรู้ตัวมั้ยว่าหมัดซ้ายเอ็งน่ะหนักขนาดชกวัวล้มเลยเชียวนะ" คำนี้คำเดียวส่งผลให้ "ไอ้แสบ" เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่ไม่เคยเชื่อมาก่อน เขาเชื่อว่าหมัดซ้ายของเขานั้นชกวัวล้มจริงๆ ก้อ.."พ่อเทียม"ไม่ได้เน้นนี่ว่าวัวที่ว่านั้นหมายถึง "ลูกวัว"


จากจุดนี้เอง โปรโมเตอร์ใหญ่ เทียมบุญ อินทรบุตร จึงหนุนให้แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เบนเข็มเข้าสู่ถนนสายอินเตอร์โดยใช้แผน
"บันไดสามขั้น" จะให้ชิงแชมป์โลก และก็เทียมบุญนั่นเองเป็นคนตั้งฉายาว่า "หมัดซ้ายทลายโลก"
อัดฉีดความเชื่อมั่นให้แสนศักดิ์ชนิดเต็มร้อย

แล้วแผน
"บันไดสามขั้น" ที่ว่าก็ประสบความสำเร็จจริงๆ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ชกมวยสากลอาชีพเพียงสองครั้ง (ชนะน็อคยก 1 รูดี้ บาร์โร่ และชนะ TKO7 ไลอ้อน ฟูรูยาม่า) พอครั้งที่สามก็ได้ครองแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์เปอร์ไลต์เวต (140 ปอนด์) สภามวยโลก (WBC) โดยชนะ ทีเคโอ เปอริโก เฟอร์นันเดซ เจ้าของตำแหน่งชาวสเปนยก 8 ที่สนามกีฬาหัวหมาก เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2518 เป็นสถิติมหัศจรรย์ที่ยังไม่มีใครทำลายได้จนทุกวันนี้ (World Record)


ช่วงที่เป็นแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่อยู่นั้น แสนศักดิ์
"ดัง" มากๆ ดังขนาดคว้าดาราสาว ปริม ประภาพร มานอนกก จนมีลูกชาย "เกรียงศักดิ์ มั่นศรี"
ด้วยกัน ก่อนจะแยกทางกันในเวลาต่อมา

ครั้งหนึ่ง แสนศักดิ์เคยได้รับการติดต่อให้เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณากางเกงยีนยี่ห้อหนึ่ง แล้วเขาก็สร้างความฮือฮาไปทั่ววงการโดยยืนยันว่า
.. กางเกงยีนรุ่นนี้เหมาะสำหรับใส่เลี้ยงควาย.. ฮ่า.. !!


แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ป้องกันตำแหน่งครั้งแรกเอาชนะคะแนน
15 ยกคู่ปรับเก่า ไลอ้อน ฟูรูยาม่า ถึงโตเกียว จากนั้นบินไปป้องกันตำแหน่งที่สเปนถูกจับแพ้ฟาวล์ มิกูเอล เวลาสเควซ ในยกที่ 5 ด้วยข้อหาชกหลังระฆังหมดยกไปแล้ว ทำให้แสนศักดิ์เสียแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บใจ อย่างไรก็ตามอีก 4 เดือนต่อมา แสนศักดิ์ก็ได้ไปล้างแค้นชิงแชมป์คืนอีกครั้งที่สเปน และครั้งนี้ "ซ้ายสีชมพู" ก็ต่อยเอาเวลาสเควซล้มกลิ้งล้มหงาย แพ้ทีเคโอไปแค่ยกที่ 2
ชิงแชมป์คืนมาได้สำเร็จ และนับเป็นนักมวยไทยคนแรกที่ชิงแชมป์โลกมาได้จากต่างประเทศ

แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ป้องกันตำแหน่งสมัยที่
2 ไว้ได้ 7 ครั้งรวด ก่อนจะแพ้เคโอ คิม ซาง ฮัน ยกที่ 13 เสียตำแหน่งครั้งสุดท้ายที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2521 รวมเวลาอยู่ในตำแหน่งสมัยที่ 2 เป็นเวลา 2 ปีเศษ..


หลังจากนั้น แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ได้พยายามที่จะกลับมาอีก ครั้งแรกพลาดท่าแพ้คะแนน
10 ยก แดน เดอ กู๊ซแมน ที่มะนิลา ก่อนหน้าที่จะถึงกับตัดสินใจบินไปชกที่อเมริกา ก็โดน "เดอะ ฮิต แมน" โทมัส เฮิร์น ถลุงจอดแค่ยก 3 จากนั้นกู้ชื่อคืนได้ 1 ไฟต์ และก็บินไปแพ้คะแนน 10 ยก อันโดนี่ อมาน่า ถึงสเปน ก่อนที่จะกลับมาลงทุนส่งตัวเองขึ้นชิงแชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวตกับ ชุง-แจ ฮวาง ที่ร้อยเอ็ด และก็แพ้คะแนน12 ยก อย่างหมดลุ้น และเนื่องจากการกรำศึกอย่างหนักนี้เองก็ส่งผลให้ดวงตาที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้วอาการมากขึ้นถึงขั้น "บอด"
ไปข้าง

แสนศักดิ์เคยหลงกลิ่นการเมือง ลงสมัคร ส
..
เพชรบูรณ์กับเขาด้วย แต่ก็สอบตกตามฟอร์ม

ปัจจุบันแสนศักดิ์อายุ
57 ปี นัยว่าต้องสู้สงครามชีวิตอย่างทรหด เพราะตาพิการ ทำการงานไม่ได้ แต่ยังได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนนักมวยเก่า การกีฬาแห่งประเทศไทย จ่ายเงินเดือนให้ และครั้งหนึ่ง สภามวยโลกของ โฮเซ่ สุไลมาน ก็เคยให้ความช่วยเหลือเป็นรายเดือนเหมือนกัน รวมทั้งเงินช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ล่าสุดเมื่อต้นปี 2551 แสนศักดิ์ตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อบ้านของเขาย่านดินแดงถูกพายุฝนจนหลังคาถล่ม ซึ่งแสนศักดิ์ต้องประกาศขอรับความช่วยเหลือในการซ่อมหลังคาในครั้งนี้จากบุคคลต่างๆในวงการมวย เพราะว่าค่าใช้จ่ายมากหลายหมื่นด้วยกัน และก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี

(เรียบเรียงจากต้นฉบับเรื่อง "หมัดซ้ายทลายโลก" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ คอลัมน์ มุมนักสู้ โดย สว่าง สวางควัฒน์ หนังสือพิมพ์ข่าวสดวันที่ 3 พฤศจิกายน ..2547 ปีที่ 14 ฉบับที่ 5088)

Special Article

"แสนศักดิ์" แชมป์โลกที่โลกลืม


โดย เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์ นสพ.ผู้จัดการรายวัน

โฮ่งๆ หมาพันทาง 5 ตัว เห่าสนั่นลั่นซอยโพธิ์ปั้น ย่านดินแดง ซึ่งเป็น ที่พักสุดท้าย ของชายวัยไม้ใกล้ฝั่ง ที่ชื่อว่า "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ยอดนักชกแชมป์โลก ตำนานกำปั้นเมืองไทย

หมามันไม่เห่าเปล่า แต่ยังแยกเขี้ยวสีขาวโชว์ความแหลมคม พร้อมกับปรี่เข้ามากัดขาผม จนเกือบต้องวิ่งหนี แต่ก็ยังทำใจสู้เสือ (หมา) จนเจ้าของบ้าน พยายามพาสังขารร่วงโรย มายืนยิ้มแฉ่งตรงปากประตู พวกหมาหมู่จึงยอมเลิกรา

ผมเดินตาม "เสือเขี้ยวหัก" ที่เส้นผมขาวโพลนเกือบทั้งหัว เข้าบ้านซึ่งเป็นตึกแถว มองดูห้องอับ รู้สึกอเนจอนาถใจ เพราะเก่าโทรมเหลือเกิน อีกทั้งฟูกที่หลับนอนของ "แสบ" มันไม่เหมาะสมและคู่ควร กับคนที่เคยเป็นฮีโร่ และขวัญใจของคนทั้งประเทศเลย

บทสนทนา ระหว่างนักข่าวรุ่นลูก กับโคตรนักชกรุ่นพ่อ จึงเกิดขึ้น การสื่อสารกัน ดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะนักรบมากสมรภูมิอย่างแสบ มันมีแผลมากเกินไป
ลำพังแค่แผลกายของ "พญาอินทรีเฒ่า" ที่ตาข้างขวาบอดสนิท และตาซ้ายพร่ามัว มันดูไม่หนักหนา เมื่อเทียบกับแผลใจ ไม่มีโอสถขนานใดจะเยียวยาได้ แสบบ่นว่า "คิง" เกรียงศักดิ์ มั่นศรี ลูกคนเดียวที่เกิดจาก ปริม ประภาพร เป็น ทายาทที่สาบสูญ ไม่เห็นหน้ามาหลายปีแล้ว "พ่อคนนี้คิดถึง"

ในอดีต แสนศักดิ์ คือนักชกที่โด่งดังมากที่สุด สร้างความร่ำรวย ด้วยการ เอาเลือดและเนื้อไปแลกคำตัดสิน หลังจากเลิกชกมวย พบว่ามี ทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาท แต่ชั่วเวลาไม่นานวัน เงินเหล่านั้นก็มลายหายวับไปในพริบตา

ประวัติของนักชกนามกระเดื่องผู้นี้ จารึกคร่าวๆ พบว่า เขาเกิดจากดิน เริ่มต้นจากการชกมวยไทย แต่เป็นพวกใจปลาซิวปลาสร้อย อาศัยเป็นคนหมัดหนัก โดยธรรมชาติ แต่หากล้มคู่ต่อกรไม่ได้ในยกต้นๆ พอโดนนิดหน่อย "พี่แสบ" ของเรา ก็หามุมทิ้งตัว ถอดใจยอมแพ้เสียดื้อๆ

จนกระทั่งไอ้ใจแมวคนนี้ โดนปลุกปั้นให้สวมหัวใจสิงห์ ไม่นานวันเขาก็ผงาดเป็นแชมเปี้ยนมวยไทย ปะทะกับยอดมวยในยุคนั้นมาอย่างโชกโชน ก่อนที่จะเบนเข็มชีวิตไปเอาดีทางด้านมวยสากล
ด้วยความที่มีพลังหมัดอันหนักหน่วง ประมาณค้อนปอนด์ทุบคอนกรีต ไม่นานวัน "แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์" ก็แจ้งเกิดได้สำเร็จ คว้าเหรียญทอง เซียพเกมส์ ที่สิงคโปร์ ปี 2516 (ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นซีเกมส์ ปี 2520)
จากนั้นก็หันมาเอาดีทางมวยสากลอาชีพอย่างจริงจัง และประวัติศาสตร์ที่นักชกหนวดหินผู้นี้ทำไว้ จนเป็นสถิติโลกไม่มีใครทำได้จนทุกวันนี้คือ "บันได 3 ขั้น" ชก 3 ครั้ง ได้เป็นแชมป์โลก ของสภามวยโลก WBC รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท จากดินไอ้แสบกลายเป็นดาวในพริบตา

ช่วงเวลาของบนสังเวียน แสนศักดิ์ โด่งดังขนาดไหนนั้น ไม่มีเครื่องวัด เอาเป็นว่า วันไหนเขาขึ้นชก จะมีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุแทบทุกสถานี อีกทั้งมีการฉายเทปในโรงหนัง ใครอยากดู "ไอ้แสบ" ต้องจ่ายกะตังค์ตีตั๋ว

สไตล์การชกบู๊ล้างผลาญ "เดินหน้าแล้วฆ่ามัน" กว่า 100 ไฟท์ ทั้งมวยไทยและสากล แม้ว่าโดนคู่ต่อกรชกจนอ่วมอรทัย แต่ "แสบ" ไม่สน ตูขอแค่หมัดซ้ายพิฆาตหมัดเดียวเท่านั้น รับรอง ต้องสลบคาคอก นั่นคือความเป็น "แสบ" แต่การโดนพายุหมัดเหมือนห่าฝน มันส่งผลต่อระบบประสาท "แสนศักดิ์" จนทุกวันนี้

การชกที่ถือว่า จดจำอยู่ในใจของคนไทยและทั่วโลกในยุคนั้น คือ เอาชนะ มอนโร บรูคส์ นักชกผิวหมึกชาวสหรัฐอเมริกา เจ้าของฉายา "เพชฌฆาตดำ" ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2520 ต่อพระพักตร์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยตลอดการชก "แสบ" ที่ตกเป็นรอง พลิกสถานการณ์ เอาชนะน็อคในยกสุดท้าย (สมัยก่อนชก 15 ยก) แบบใจหายใจคว่ำ และเป็นไฟท์ที่บอบช้ำมากที่สุดไฟท์หนึ่งในชีวิต

ยามมั่งมีชื่อเสียงเงินทอง ใครๆ ก็นับญาติ อยากเป็นเพื่อน รวมทั้งผู้หญิงอยากเป็นแฟน แต่ "ไอ้แสบ" หักอกสาวทั้งประเทศ ประกาศแต่งงานกับ ปริม ประภาพร ดาราที่โด่งดังในยุคนั้น
ไม่มีใครยืนยงบนสังเวียนกำปั้น สังขารต้องร่วงโรยพ่ายแพ้กาลเวลา หลังจากที่พลาดท่าเดินทางไปเสียแชมป์ให้กับ นักมวยเกาหลี แบบช็อกโลก จนต้องปิดฉากพ่อค้ากำปั้นไปนานโข ต่อมาเดือน ต.ค.ปี 2522 เป็นไฟท์ที่ "แสบ" ต้องพบกับชะตากรรมเช่นนี้ เมื่อเขาโดน โทมัส เฮิร์น นักชกดาวรุ่ง (ก่อนที่ "เฮิร์น" จะโด่งดังเป็นนักชกคนแรกของโลก ที่คว้าแชมป์โลก 6 รุ่น) น็อคคาเวทีที่สหรัฐอเมริกา จากนั้น แสบ ฝืนสังขารชกอีก 3 ครั้ง ก่อนที่จะลาสังเวียนเป็นทางการ จนอาการเมาหมัดเริ่มออกฤทธิ์

พจนานุกรมหัวใจของ "แสบ" ไม่มีคำว่าขี้เหนียว เมื่อเอ็งกล้าขอตูก็กล้าให้ สุดท้าย จากเศรษฐี 10 ล้าน ก็กลายเป็นคนไม่มีเงิน พรรคพวกที่เคยไปมาหาสู่ กลับหนีหน้าไม่มาเหลียวแล เมียที่เคยรัก บินปร๋อไปอยู่เยอรมนี ลูกชายก็ไม่เคยมาดูแลหัวใจช้ำของพ่อ

"จากสูงสุด แสบ คืนสู่สามัญ" อีกครั้ง และครั้งนี้ ต้องอยู่สามัญตลอดไป

"ผมโดนโกง พวกเขายืมเงินผมไปแล้วไม่ใช้คืน ทุกวันนี้ผมไม่มีเงินใช้ นี่ก็มี "น้องวาด" หลานสาวยายกล่อง (ธนวรรณ มั่นศรี เมียใหม่ของแสบ แต่งงานปี 2540) กับหมาอีก 5 ตัว เป็นเพื่อนชีวิต ก็ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เพราะป่วยบ่อย มันสะสมมาจากสมัยที่ชกมวยนั้นแหละ แต่ต้องขอบคุณ กกท., กรมสรรพากร และสภามวยโลกที่ให้เงินช่วยเหลือ แต่มันก็ไม่พอกินพอใช้อยู่ดี เพราะต้องรักษาตัว"

บทสรุปชีวิตนักชกคนนี้ เขาเก่งกาจเพียงแค่บนเวที น็อคคู่ต่อสู้มามากต่อมาก แต่สังเวียนชีวิตจริง กลับพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ไม่เกินเลยนักหากบอกว่า จาก "หมาล่าเนื้อ ทุกวันนี้เขาเป็นหมาจนตรอก" ความป่วยไข้ทางอารมณ์ ยังซุกซ่อนอยู่แววตาโศกคู่นั้น ตาที่เกือบมืดบอดทั้งสองข้าง"

หรือเราจะชื่นชม "วีรบุรุษ" เพียงแค่เขาเอาชนะคู่ต่อสู้บนเวทีได้เท่านั้น แต่บนสังเวียนชีวิตจริง เราจะยืนดูเขาพ่ายแพ้ โดยไม่คิดยื่นมือช่วยอย่างนั้นหรือ

ธารน้ำใจช่วย "แสบ"

ชื่อบัญชี นายบุญส่ง มั่นศรี หรือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ธ.กสิกรไทย สาขา อโศกดินแดง หมายเลขบัญชี 049-2-82115-2

Special Article

((((((ดับอนาคต ไอ้แสบ (แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์) ด้วยคุณไสย))))))

บทความจากเว็บไซด์เอ็มไทย

คุณรู้จักนักมวยที่ชื่อ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ หรือเปล่า ถ้าคุณอ่านเรื่องราวชีวิตเขาต่อไปนี้ล่ะก็คุณจะรู้ว่า คนที่โดน"คุณไสย"เป็นอย่างไง

เกือบ 10 ปีที่แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ครองยุทธจักรมวยไทย ในฐานะแชมป์บนเวทีมวยไทย ที่ตะบันกันด้วยเข่า กำปั้น สันแข้ง แสบ หรือที่เรียกว่าแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ถือว่าก้าวขึ้นสู้บันไดขั้นสูงสุด นั่นคือแชมป์มวยไทย และมวยสากลก็ไม่ได้ไช้ศอก เข่าและสันแขง ไช้เพียงชั้นเชิงและหมัดเพียงอย่างเดียวแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ก็ได้สร้างความประทับใจ ให้กับคนทั้งโลกมาแล้วในฐานะแชมป์ของสภามวยโลก มาตั้งหลายสมัย เกียรติประวัติของการชกของแสบนั้นยิ่งใหญ่ ที่สุดในโลกคนหนึ่ง สำหรับคนไทยแล้วไม่ต้องพูดถึง ว่าคนไทยรู้สึกอย่างไงกับการชกของเขา ด้วย2หมัดอันทรงพลังทิ่มเข้าตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้องหรือปลายคาง ไม่มีรายไหนรอดพิษหมัดของเขาไปได้ หมัดซ้ายของเขาได้ฉายาว่าหมัดพายุทะเลทราย บางคนก็เรียกว่าหมัดมหาประลัย นักมวยแต่ละคน เมื่อได้รู้ว่าจะต้องขึ้นเวทีกับแสนศักดิ์ล่ะก็ เป็นต้องนอนคิด นั่งคิด ว่าจะหาทางแก้ทางมวยอย่างไงดีสำหรับชั้นเชิงนั้นจะว่าไปแสบก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่าเรื่องน้ำอดน้ำทนนั้นเต็ม100

จนวันนี้แสบก็อยู่ในความทรวงจำของคนไทยทั้งประเทศว่าเขาคือฮีโร่ แต่นั่นแหละคุณผู้อ่านทุกสิ่งในโลกก็มีขึ้นมีลงและมีดับไป แต่สำหลับแสบเองแล้วถูกดับ ตั้งแต่ยังหนุ่มและมีความฉกาจฉกรรจ์ บนเวทีมวยสากลยังเป็นดาวที่ทอประกายไปทั่วโลก แสบเหมือนถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็นแน่นอน ตามสถิติการชกของเขาแต่ละครั้งส่วนมากแล้วจะชกเพียงไม่กี่ยกแสบก็เล่นงานคู่ต่อสู้ลงไปนอนกลางเวทีเสียแล้ว

แสบเปิดเผยเรื่องราวความ "เร้นลับ" ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองด้วยสายตาที่เหม่อลอย " ผมจำได้ว่าผมขึ้นชกกับ ฟรานซิสโก โมริโน่ ที่เวทีมวยหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2521 การชกครั้งนั้นเป็นการชกป้องกันแชมป์โลก ของสภามวยโลกที่ครองอยู่ ฟรานซิสโก ก็หวังที่จะช่วงชิงเข็มขัดให้ได้ ผมเองก็ป้องกันไว้สุดชีวิตเหมือนกัน การชกครั้งนั้นมีนักพนันมวยมากันเยอะ ที่ลงฝ่าย ฟรานซิสโก ก็มีมาก ลงฝ่ายผมก็มีไม่น้อย เพราะการกีฬาทุกอย่างก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าถามว่ามั่นใจไหมกับการชกทุกครั้งแน่นอนผมมั่นใจ แต่ในความมั่นใจนั่นบางครั้งก็พ่ายยับไปเหมือนกัน หมัดมันไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว โดนตรงไหนมันก็จุกตรงนั้น บอกตรงๆว่าการชกที่หาดใหญ่ครั้งนั้น ผมเหนื่อยมากเหมือนกันเพราะกว่าจะเอาชนะ เค.โอ ได้ก็ผ่านไปตั้ง13 ยก

หลังจากชกเสร็จ ผมก็กลับโรงแรมผมถูกล้อมหน้าล้อมหลัง ด้วยกลุ่มนักข่าวหนังสือพิมพ์จะพักผ่อน เป็นส่วนตัวแทบไม่มี โดนประกบทุกอย่าง แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ มันก็เป็นไปโดยที่ผมไม่ทันจะตั้งตัวในห้องพักของผม มีผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ผมจะเข้าห้องมีนักข่าวกระซิบ ว่ามีรางวัลให้ ด้วยความคึกคะนองในวัยหนุ่ม แม้ว่าจะเพลียแสนเพลียจากเวทีมวยมา มันก็หายเหมือนปลิดทิ้ง ลองเป็นคุณทั้งหลายจะมีความรู้สึกอย่างนั้น อย่างผมหรือเปล่า แล้วทุกอย่างมันก็ดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ บนความสุขที่สุดในชีวิตของผมคืนนั้นนั่นเอง

ขณะที่ผมนอนหลับ ผมก็ฝันไปว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง ยืนมือมาจะจับผม มือของมันยาวมาก และตัวมันก็ใหญ่และดำ หน้าตาดุมาก ผมลุกขึ้นสู้กับมันพอผมรู้สึกตัว มันก็หายไปแล้วพอผมหลับตามันก็มา เป็นอย่างนี้อยู่ทั้งคืน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ในความรู้สึกผมรู้เพียงว่ามันคือวิญญาณ ที่มันจะมากระชากชีวิตผมไปจากโลก มันน่ากลัวมาก และเป็นที่สังเกตุว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว และอยู่กินกับภรรยาที่นักข่าวหามาให้ชีวิตของผม แทนที่จะก้าวหน้าขึ้นกลับถอยหลังไม่ว่าจะทำอะไร คิดอะไรจะมึนและงงไปหมด แม้แต่การชกมวยหรือว่าลงทุนทำอะไรก็ขาดทุนย่อยยับไปเสียทุกอย่าง ที่น่าสังเกตุ สิ่งที่เกิดกับผมขณะที่อยู่กับภรรยาคนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียคนแรก ผมมีแต่ความทุกข์ ไม่เคยมีความสุข เพราะเขาทำตัวยิ่งกว่าผมเป็นทาส ใช้ผมทำทุกอย่างแม้กระทั่ง "ซักกางเกงใน"

ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมทำได้อย่างไง แม้กระทั่งคนใช้ในบ้านผม ยังใช้ผมถูบ้านเลยให้ทำอะไรต่ออะไร ผมก็ทำนะ อีกอย่างหนึ่งที่ผมฝังใจมาจนทุกวันนี้คือเวลา ที่ผมนอนหลับทุกครั้งที่ห้องนอนผม ผมมีความรู้สึกว่าเหมือนมีเสียงผู้หญิงพึมพำๆๆอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า "รัก รัก รัก หลง หลง หลง" เป็นอย่างนี้ทุกคืน ผมพยายมจะจับว่าเป็นเสียงใครผมไม่เคยจับได้ เนื่องจากว่าผมจะหลับสนิททุกครั้ง ที่แปลกไปกว่านั้นบางครั้งใต้หมอนผมนั้นจะมี ใบพลู ผมไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำอะไร ในบางวันที่เมียผมไม่อยู่ ผมจะค้นดูข้างฝาห้อง ผมจะเห็นว่ามีขวดน้ำมันเล็กๆนับได้ทั้งหมด 21 ขวด ผมถามเขาว่าขวดอะไร เขาก็ไม่ยอมรับกลับปฎิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น สุขภาพจิตของผมช่วงนั้นไม่ค่อยจะดีนัก เงินทองที่มีอยู่เริ่มหมดไปอย่างรวดเร็วผมไม่อยากจะโทษหรอกนะว่าเขาเอาไป เขาเอาไปจากผมไม่เท่าไหร่เอง

จนกระทั่งหลายปีผ่านไปผมทนไม่ไหวจึงหอบผ้าออกจากบ้านไป ชีวิตของผมถูกซ้ำเติมมาโดยตลอดช่วงชีวิตผมทำอะไรมันไม่ค่อยดีเลย ไปลงสมัคร ส.ส ที่เพชรบูรณ์บ้านเกิด ก็ไม่ได้ ก็คิดดูแล้วกันตอนที่คนอื่นขึ้นพูด มีคนฟังแน่นไปหมด พอมาถึงผมขึ้นพูดบ้างคนทยอยกลับกันหมด มันซวยจริงๆ ตอนเลือกตั้งผมได้ไม่กี่คะแนนเอง ทุกอย่างมันซวยไปหมด ทำอะไรไม่เคยดีขึ้นเลย จัดมวยโลกที่ร้อยเอ็ดผม ร่วมหุ้นกับโปรโมเตอร์หวังได้รวย แต่ที่ไหนได้มีคนเข้าดูไม่กี่คนเอง ผมขาดทุ่นที่ลงทุนไป 8 แสนบาท ทางพี่หนองก็ให้ผมหยุดชก ผมจะหยุดชกได้อย่างไงในเมื่อผมรู้ตัวเองว่าผมยังชกได้

เมื่อผมดื้อเขาก็ไม่สนับสนุนปล่อยผมลำพัง ทำอะไรก็พังและพัง กระทั่งผมรู้สึกตัวว่าตามันมองเห็นอะไรเบลอๆจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลจุฬาตรวจรักษา 2 ครั้ง แต่ว่าไม่ดีขึ้นเขาบอกแต่เพียงว่ามันบอบช้ำมาก รักษาให้ดีต้องไปต่างประเทศเขามีเครื่องมือครบ และผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไง อยากให้ตาหายก็อยาก แต่ว่าเงินไม่มีพอค่าเครื่องบินและตรงนี้เองผมคิดแล้วว่าผมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพราะว่าลูกชายผมไปอยู่กับแม่ของเขา ผมขายบ้านขายรถ ทั้งยังได้จากเพื่อนจากสมาคมคนละนิดละหน่อยเป็นค่าเครื่องบิน ที่นั่นผมมีเพื่อนอยู่หลายคน เขารับเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่างไห้ ระหว่างอยู่ที่อเมริก (แอลเอ)

อยู่ที่นั่นผมสบายพอสมควร หลังจากซ้อมมวยเสร็จก็ออกเที่ยวอย่างอิสระ ในขณะที่ผมไปพบหมอที่โรงพยาบาล สตีน ไอย์ เขาตรวจอย่างระเอียดที่เกี่ยวกับตา หมอบอกว่าอาจจะหายเนื่องจากเยื้อตาขาด การจะรักษาให้หายนั้นก็ออกจะลำบากไม่น้อย วันนั้นผมเดินคอตกกลับบ้านพัก พอเดินเข้าไปในบริเวณบ้านพักผู้จัดการที่เป็นคนไทยก็ถามขึ้นว่า"แกเป็นอะไรของแกว่ะ แสบ" ผมบอกว่า"มันพูดอะไรของมันก็ไม่รู้ หมอบ้านั่นมันบอกว่าจะหาย แสดงว่ามันพูดแบบเสียไม่ได้ ไม่รับรองเลยนี่นาพี่แสดงว่าความหวังที่จะหายไม่มีเลย".. "จะไห้เขารับรองได้เลยอย่างไงว่ะแสบ ทุกอย่างต้องใจเย็นๆซี่ ตอนนี้สายตาก็ยังพอไหวอยู่ไม่ไช่เหรอ""ไหวน่ะไหวแต่ผมต้องการให้มันหายขาดน่ะพี่ ไม่ไช่ไห้เดินเข้าโรงพยาบาลตลอดชีวิต ผมมาที่นี่เพื่อรักษาตา"

เพื่อนผมที่เป็นผู้จัดการคงทนไม่ได้จึงพูดสวนมาว่า "แล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนวะแสบ มึงพูดยั่งกะว่ามันหาง่ายนักนี่" "ผมมองเห็นทางแล้วพี่ เพราะผมเป็นอดีตแชมป์สภามวยโลก ตาของผมเสียเพราะการปฎิบัติหน้าที่จริงไหม เหตุนี้ผมว่าทางสภามวยคงช่วยผมได้""คิดน่ะมันคิดได้นะแสบ แต่เวลาทำมันจะได้ผลหรือเปล่า""เออน่าพี่ เชื่อผมเหอะไม่ได้ทางหนึ่งก็ต้องมีทางหนึ่งล่ะน่า""เอาเหอะไอ้แสบ กูเชื่อมึง แต่ตอนนี้มึงนั่งรอนอนรอไม่ได้หรอก มึงต้องซ้อมลงนวม เป็นการรักษากำลังไว้เป็นผลดีกับตัวมึงเอง""ผมไม่ทิ้งอยู่แล้วครับผู้จัดการ แม้ว่าตาของผมยังไม่ได้รับการรักษา ผมยังมองเห็นคู่ต่อสู้อยู่""ผมมาที่นี่ก็เดือนกว่าแล้ว เงินทองผมก็หร่อยหรอลงไปทุกที"

"ให้ตายเถอะ กูเองก็ลืมไปเรื่องเงินเบี้ยเลี้ยง ประจำวันของมึง เอางี้มึงจะเบิกได้วันละ 20 ดอลล่าร์กินอยู่ไม่ต้อง เอาเงินส่วนนี้ไปเที่ยวไห้สบายใจของมึง""ที่ผ่านมาผมก็เบิกได้ย้อนหลังซิ งั้น"

"ได้ซิแสบ เงินกองทุนของเราสำหรับแสบ มีอยู่แล้ว เบิกกับฝ่ายการเงินได้นี่ เดี๋ยวเย็นนี้กูจะบอกผู้จัดการฝรั่งอีกคนให้รู้" จนกระทั่งต่อมาผมได้ขึ้นชกกับนักมวยที่ผู้จัดการหามาไห้ที่ ดีทรอยซ์ ปรากฎว่ามีคนเข้าชมเพียง 50 คนเท่านั้นขาดทุนป่นนี้ ผมไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้ บางครั้งผมก็คิดของผมเรื่อยเปื่อยนะว่าเขาทำอะไรกับผม เกี่ยวกับทางไสยศาสตร์น่ะ เนื่องจากตอนอยู่กันมีพิรุธหลายอย่าง ทั้งเรื่องขวดน้ำมัน 21ขวดและใบพลูนั้นด้วยมันคืออะไร เขาทำอะไร ทั้งยังตอนดึกมีเสียงสวดอีก ความทุกข์ ความเดือดร้อนของผมมีมาตั้งแต่ปี 2521 ยันปี 2530 มันซวยขนาดที่มีเพียงกางเกงในตัวเดียวตลอดทั้งปีเลย เป็นเพราะอะไร ผมเองไม่รู้อยู่เฉยๆก็ร้อนรนไม่เป็นสุข กินก็กินไม่ได้ ต่อมาผมเจอเข้ากับอาจารณ์พงษ์สัน สุชาติวุฒิ ผมไห้เขาเช็คเรื่องดวงให้ อยากรู้ว่ามันอะไรหนักหนาที่ชีวิตเป็นแบบนี้ อาจารณ์ได้ดูดวง และนั่งทางในดู บอกว่าผม" โดนของ" โดนผีเข้า จากนั้นท่านก็ให้ผมอาบน้ำมนต์ต่อมาวันที่ 2 6มีนาคม 2531 ผมจึงให้อาจารณ์เอาของออก อาจารณ์เสกคาถาแล้วเป่าลงที่เทียนจากนั้นก็เอาเทียนเล่มดังกล่าวมาให้ผมเคี้ยวๆไปเรื่อยๆไม่ไห้หยุด

ขณะที่ผมเคี้ยวเทียนอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่ามีอะไรเคลื่อนไหว อยู่ตามตัวผมไปมาจี๊ดจาดไปหมด ผมบอกอาการไม่ถูกหรอกว่าเป็นอย่างไง บอกตรงๆว่ามันผิดธรรมดาปกติ ยิ่งอาจารณ์ว่าคาถามากเท่าไหร่ มันก็เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดเลยนะ มันมากองที่ปากจนมีกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากปาก กลิ่นเหมือนกลิ่นไข่เน่าอย่างไงอย่างงั้นเลย หรือไม่ก็กลิ่นคนตายหรือว่าหมาตายซักหลายสิบตัวอะไรทำนองนั้น กลิ่นเหม็นออกทางจมูกเพราะเขาไม่ยอมให้ผมอ้าปาก หรือว่าคายออกมาเขายังสั่งไห้ผมเคี้ยวต่อไปอย่าหยุด ผมเองจะอ๊วกออกมาหลายครั้งแต่เขาก็ห้ามไว้ ไม่ไห้อ๊วกมาเด็ดขาดจนกระทั่งเขาสั่งให้ผมคายออกมา "ลองดูซิว่านั่นมีอะไร" ผมคลี่ดูก็เห็นเทียนสีขาวกลายเป็นสีเลือดปนน้ำหนองพอเขี่ยๆดูอีกทีก็เห็นด้ายสายสิญจน์ยาวประมาณ 2-3 วาได้ "ไอ้นี่แหละที่มันมัดชีวิตเราไว้ให้เราแบบตายไปครึ่งตัว"

ผมถามอาจารณ์ดื้อๆเลยว่า รู้ไหมว่าใครทำ อาจารณ์ไม่บอก ผมก็ไม่ทราบนะ เพราะจำได้ว่าตอนที่ไปชกที่หาดใหญ่ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2521 หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด เป็นคนไม่อยากจะไปไหน เศร้าซึม เหงาหงอย จะติดต่องานอะไรกับใครก็ไม่สำเร็จ ของที่เคยมีอยู่ก็ไม่มีแล้วเป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนปี 2530 มันทำให้เรามีอันเป็นไปต่างๆนานา ตอนนั้นนะคนที่เช่าบ้านผมอยู่มันก็หอบข้าวของหนีไปโดยไม่ยอมจ่ายค่าเช่าให้ แถมยังติดค่าน้ำค่าไฟไว้อีกต่างหาก กลายเป็นภาระของผม ผมต้องตามจ่ายใช้หนี้ที่มันทำอะไรไว้แถมขโมยของผม ไปด้วยนี่ซิ เงินที่ค้างค่าเช่าค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์ไว้คิดแล้วเป็นเงินหลายพันบาท แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนจ่ายไห้หมด จำต้องติดหนี้เค้าไว้นานเข้าเขาก็ตัดน้ำ ไฟ โทรศัพท์ ผมจะบ้าตายให้ได้

ตอนนี้มันยังอยู่ในตัวผมอีกเยอะแยะ มันหวังให้ผมทรมาน มันไม่ได้หวังให้ผมตาย ไปหาอาจารณ์ให้เอาออกตั้งหลายเที่ยวแล้ว มันยังไม่หมดอีก ต่อมาที่ไหนเข้ารือว่ามีหมอเก่ง หมอดี ผมไปหมดไปรักษาที่เมืองกาญจน์มีคนเยอะมาก ผมต้องนั่งรอตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงคิว อาจารณ์บอกว่าผมอาการหนักมาก เขาทั้งทุบทั้งตีเพื่อขับไล่ ผมก็ทนเพราะอยากหาย ไม่เว้นแม้แต่แข้งขา ตีซะน่วมไปหมด ทุบแล้วก็เอาก้อนหินออกมาเป็นสีผึ้งเขาเก่งครับผมไปหาเขาหลายเที่ยว ตอนนั้น ขณะที่คุยอยู่กับแสบนั้น คุณก่อง เมียคนปัจจุบันของแสบก็สวนขึ้นมาเลยว่า "หมอคนนั้นเหรอค่ะ มันเป็นหมอปลอมมาหลอกลวงชาวบ้านพี่แสบไม่รู้หรอก เมื่อไม่นานมานี่ตำรวจก็มาจับลงข่าวหนังสือพิมพ์ มันแหกตาหาเงิน เขารักษาพี่แสบหนูนั่งดูอยู่เห็นเขาทั้งกระทืบ ทั้งตีพอมีใครเข้ามาขวางก็ด่าไฟแลบ รักษามาหลายที่แล้วมีหลายรูปแบบ พอเขารู้ว่าเราไม่มีเงินเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะรักษาให้ต้องรั้งท้ายเขาตลอด ทุกวันนี้ผมไปหาหมอฉ่อย อยู่แถวบางแค ผมไปมา 3ครั้งแล้ว คนนี้เค้าเก่งนะเอาทั้งตะปู สายสิญจน์ เส้นผม ทั้งเลือดประจำเดือน ทำทุกครั้งผมก็สบายใจสบายตัวทุกครั้ง แต่ว่าอยู่ไปมันก็วิ่งพล่านอีกนั่นแหละมันยังไม่หมดดี ยังมีอีกเยอะ สงสัยว่าผมจะต้องรักษาอย่างนี้ไปจนตายกระมังครับ ส่วนคุณก่อง ภรรยาคนปัจจุบันได้เล่าเรื่องราวของแสนศักดิ์เกี่ยวกับการรักษาและอาการของแสบว่า "ตอนที่ฉันอยู่กินกับแสบใหม่ๆมักจะเจอสิ่งแปลกๆเป็นประจำ เช่น ถ้าวันไหนพี่เขากลับมาดึกๆ พอพี่แสบมาถึงชั้นล่างจะมีคนเดินนำหน้าพี่แสบขึ้นมาก่อน มันไม่เกรงใจฉันเลยมันเดินจ้องมองฉันแล้วก็เดินไปรอบๆห้อง มันมีทั้งหมด 3-4คน ตัวดำน่ากลัว บางครั้งมาคนเดียว นำหน้าพี่แสบมาก่อน พวกมันเหมือนวิญญาณที่ตามพี่แสบไปทุกที่อย่างนั้นแหละ แล้วตัวพี่แสบเองก็มีอาการแปลกๆแสดงออกให้ฉันเห็นตลอดมา ฉันจะทิ้งเขาก็สงสารเพราะเขาไม่มีใครแล้ว อยู่ตัวคนเดียว หากทิ้งเขาแล้วจะอยู่อย่างไง จะมีใครดูแล ฉันเองพยายามช่วยเขาทุกทาง เวลาที่เขาบ้าขึ้นมา เขาก็จะด่าฉันเสียๆหายๆ หยาบๆทั้งนั้นฉันเองก็ไม่ถือหรอก อย่างถ้าเป็นวันพระนะพี่เค้าก็จะเศร้าซึมผิดปกติ ผิดไปจากคนปกติธรรมดา ฉันไปขอน้ำมนต์จากวัดหลวงพ่อสด(วัดปากน้ำ)และที่พระพรหมเอราวัณมารดมาสาดไส่หัวพี่แสบได้ผลนะค่ะ คือถ้าเขาด่าฉันมากๆฉันก็จะรู้ว่ามีผีสิงในร่างเขาแล้วฉันก็จะเอาน้ำมนต์มายกเทไส่หัวแล้วท่องนะโม3จบ จากนั้นก็ขอพอจากสิ่งศักด์สิทธิ์ เจ้าป่า เจ้าเขาพระภูมิเจ้าที่ เทวดาฟ้าดินขอให้ช่วย นั่งทำพิธีอยู่นาน5นาที จากนั่นก็สาดไส่หัว ไส่ตัวพี่แสบพร้อมกับจับให้ดื่มน้ำมนต์3วันติดต่อกัน แปลกนะคะ เขาจะดื่มเหล้าสูบบุหรี่จัด พอเจอเข้ากับน้ำมนต์หลวงพ่อสด เท่านั้นเขาเลิกทุกอย่างเหมือนปลิดทิ้งเลย บุหรี่ไม่เคยสูบ หายขาดเลย เหล้าก็เลิกดื่ม จะดื่มบ้างก็เบียร์บางครั้งเท่านั้น ทุกวันนี้ฉันอาศัยน้ำมนต์นี่แหละค่ะช่วยหยุดความบ้าของพี่แสบไว้ ถามว่ากลัวไหม ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ ลองบ้าขึ้นมาซิ เจอน้ำมนต์แน่ อย่างเดียวเท่านั้นที่จะหยุดได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ ก่องกล่าว แล้วถามว่าที่ไปรักษากับหลวงพ่อ ท่านพระครูปทุมวรกิจ เจ้าคณะอำเภอบรบือ จว. มหาสารคามซึ่งเป็นเกจิทางด้านไสยเวท"

ตอนนั้น ผมไปรักษากับท่านบ่อยๆส่วนมากผมจะนอนอยู่ที่วัดเลย เป็นเวลานานหลายวันบางครั้งเป็นเดือนท่านทำพิธีทางด้านเอาตะปูออกและอย่างอื่นเช่น เข็มเย็บผ้า กระดูกผีตายโหง ด้ายสายสิญจน์ ท่านเอาออกจากตัวผม 100 กว่าดอก เฉพาะตะปูนะ แต่ละดอกขึ้นสนิมหมดแล้วส่วนมากจะคดๆงอๆน่ากลัวมาก ผมเทียวไปเทียวมาจนไม่มีค่ารถที่จะไปแล้ว ที่จริงอยู่วัดก็ดีเหมือนกัน อาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงพ่อ ซึ่งท่านก็ให้การรักษาเป็นอย่างดีท่าน ไม่ได้คิดเอาเงินเอาทองจากผมเลยแม้บาทเดียว ผมรักษากับหลวงพ่อมานานอาการมีแต่ทรงไม่หายขาด ท่านบอกว่าต้องรักษาไปเรื่อยๆ แต่ผมมันรอไม่ได้น่ะซิครับ มาตอนนี้ผมไม่มีค่ารถที่จะเดินทางไปรักษาแล้วจึงต้องอาศัยหมอไสยเวทที่อยู่ไกล้ตัว รักษาไปก่อน นับจากวันที่ผมโดนของ ผมตระเวนหาหมอมาแล้วทั่วประเทศที่เขาลือว่าที่ไหนดี ที่ไหนเก่ง ไปมาแล้วทั้งนั้นอาการก็ยังเหมือนเดิม แสดงว่าหมอที่ทำไส่ผมคงจะเก่งด้านนี้มาก กี่หมอกี่หมอก็ไม่หายขาด มันจะทรมาณผมไปถึงไหน หรือว่าจนตายกระมัง?? กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก

เมื่อท่านได้อ่านจนมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านเชื่อไหม ว่าแสนศักดิ์ถูกคุณไสยเข้าแล้ว และมีวิธีใดที่จะทำให้เขาหายได้โปรดได้ช่วยเค้าบ้างเถอะครับ เพราะเท่าที่เขียนเรื่องราวของเขาและได้พูดคุยด้วยแล้ว ก็รู้ว่าชีวิตทั้งชีวิตของเขาไม่มีความสุขเลย คิดจะทำอะไรก็ล้มเหลวไปหมด เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ไร้คุณค่า เขาเบื่อโลก เบื่อทุกอย่าง แน่นอนเมื่อคนเราทำอะไรล้มเหลว ทำอะไรไม่ก้าวหน้าก็เหมือนฟ้าลงโทษ หรือคนโดนสาป ทั้งที่ตอนรุ่งเรือง แสนศักดิ์ ทำบุญทำทานสร้างกุศลไว้มากมาย ทั้งทอดผ้าป่า บริจาคทาน บุญกุศลครั้งนี้ไม่ได้ช่วยไห้เค้าได้พ้นจากกองทุกข์นี้เลย คนที่ทำอย่างนี้กับเขา ไม่รู้เขาเจ็บใจอะไรหนักหนาจึงได้ฆ่าเขาทั้งเป็นขนาดนี้ ฆ่าให้ตายเลยยังดีเสียกว่า ใครรู้จักหมอรักษาทางนี้ หรือมีหนทางช่วยเหลือ โปรดโทรศัพท์บอกผ่านสำนักงานพิมพ์ 02-8789954 ต่อ 102 หรือ 135