วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สามารถ พยัคฆ์อรุณ



ชื่อนักมวย: สามารถ พยัคฆ์อรุณ

ชื่อจริง: สามารถ ทิพย์ท่าไม้

วันเดือนปีเกิด:
5 ธันวาคม 2505

ภูมิลำเนา:
อ. บางปะกง, จ. ฉะเชิงเทรา

สถิติ:
21-2-0; 12KO

เกียรติยศ:

แชมป์ซูเปอร์แบนตั้มเวต WBC (2529-2530)

บนถนนนักมวยที่ต้องใช้หยาดเหงื่อ หยดเลือด และความเจ็บปวดแลกเงินตรา สามารถ พยัคฆ์อรุณ ศิษย์เอกของ "ครูตุ๊ย" ยอดธง เสนานันท์ ครูมวยชื่อดังแห่งภาคตะวันออกคนนี้คือยอดมวย 2 แบบผู้ประสบความสำเร็จสูงสุด

ในแบบ "มวยไทย" สามารถเป็นแชมป์เวทีลุมพินี 4 รุ่น โดยไม่เคยเสียตำแหน่งให้ใครเลย มีแต่ต้องสละไปเองทั้งสิ้น จนได้รับเลือกเป็นนักมวยอาชีพยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2524

แน่นอน สำหรับในเชิงมวยไทย ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจตรวจนักมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี ทุกคนต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย และไม่จำเป็นต้องเตี๊ยมกันว่า จะต้องยกให้ “พยัคฆ์หน้าหยก” สามารถ พยัคฆ์อรุณ ผู้นี้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ด้วยความเป็นอัจฉริยะของ สามารถ นั้น จึงมีส่วนคล้ายคลึงกับ สมรักษ์ คำสิงห์ อย่างยิ่ง ที่ต่างเป็นมวยสุดยอดฝีมือชนิดอาจารย์ต้องเรียก “ป๋า” เพียงแต่ สามารถ มีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งในเชิงมวยไทย สามารถดังตั้งแต่วัยเพิ่งพ้นอนุบาล ก็ว่าได้ จนวัยแตกเนื้อหนุ่ม ก็กวาดชัยชนะเป็นว่าเล่น ถล่มมวยดังๆมาราบคาบ ไม่ว่าจะเป็น หนองคาย ศ.ประภัสสร, พฤหัส โล่ห์เงิน, ฉมวกเพชร 5 พลัง, มะเฟือง วีระพล และ กวาดนักชกดังๆในยุคนั้นในรุ่นเดียวกันจนเรียบวุธ ก่อนที่จะชนะ เผด็จศึก พิษณุราชันย์ จนไม่มีคู่ชกต้องเบนเข็มชกมวยสากลอาชีพ ก็ยังได้เป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวตของ สภามวยโลก (WBC) และหลังจากเสียแชมป์แล้ว ก็กลับมาชกมวยไทยชนะรวดอีก 5 ไฟต์ ด้วยการสอนมวย “ไอ้หมัดสากเหล็ก” สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์, “ขุนเข่าหน้าเปื่อย” นำพล หนองกี่พาหุยุทธ , “ขุนเข่าทะเลคลั่ง” พนมทวนเล็ก 5 พลัง รวมถึง “ไอ้เป็ด” เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ในการกลับมาชกมวยไทยแค่ปีเดียว สามารถ ก็ได้รับเลือกให้เป็นนักมวยไทยยอดเยี่ยมประจำปี 2531 ไปรับประทานแบบไร้คู่แข่ง หรือถึงจะมีก็ไม่มีความหมาย

สามารถ พยัคฆ์อรุณ จึงถูกจัดให้เป็นสุดยอดมวยอัจฉริยะในบรรณพิภพ อย่างมิต้องคลางแคลงสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น

ในช่วงที่ “พยัคฆ์มาด” โรจน์รุ่ง ไม่ว่าในขณะนั้นชกมวยไทยหรือมวยสากลอาชีพ มีคนเคยพูดถึงขนาดว่า ถ้า สามารถ รูปไม่หล่อ แต่หน้าตาดำๆไม่น่าดูอย่าง เปเล่ ไข่มุกดำ แล้วไซร้ เจ้าของเสียงร้อง “น้ำพริกปลาทู” จะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกก็ยังได้

อย่างไรก็ดี ถึง สามารถ จะหล่อเหมือน จอร์จ เบสต์ ยอดดาวเตะของ แมนฯ ยูฯ การฟิตซ้อมจึงย่อหย่อนลงไป แต่ใครก็ไม่กล้าปฏิเสธว่า ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ถ้าพูดถึงมวยไทย ต้องชูมือให้ สามารถ พยัคฆ์อรุณ หนึ่งเดียวคนนี้

เมื่อหมดตัวชกและเบนเข็มไปสวมรองเท้าชก "สากล" เขาประเดิมการชกมวยสากลอาชีพด้วยการชนะคะแนน 10 ยกอดีตแชมป์โลกอย่าง เนตรน้อย ส.วรสิงห์ จากนั้นเขาก็พัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับกระทั่งได้โอกาสขึ้นชกชิงแชมป์ซูเปอร์แบนตั้มเวต WBC กับแชมป์ชาวเม็กซิโก กัวดาลูเป้ พินเตอร์ ซึ่งตกตาชั่งไปก่อนขึ้นชกจริง แล้วสามารถก็ไม่ทำให้ชาวไทยผิดหวังเมื่อสามารถน็อคพินเตอร์ลงได้ในยกที่ 5 ได้แชมป์มาครองอย่างสวยงามเมื่อ 18 มกราคม 2529

สามารถจัดเป็นนักชกที่มีหน้าตาดีแถมยังมีเชิงชกที่สวยงาม ด้วยเชิงชกที่เหมือนหยอกเอินคู่ต่อสู้ที่ว่าดังๆแห่งยุคเหมือนหนึ่งเป็นมวยเพิ่งหัด ถ้าคุณเคยเห็น สมรักษ์ คำสิงห์ หลอกโยกหลบคู่ต่อสู้ในการชกมวยสากลสมัครเล่น จะต้องบอกก่อนว่าต้นตำรับในการโยกหลบที่แท้จริงก็คือ “พี่มาด” คนนี้ เขาป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับ ฮวน "คิด" เมซ่า จากเม็กซิโกซึ่งในไฟต์นี้สามารถโชว์ลีลาโยกหัวหลบหมัดเมซ่าเกือบ 20 หมัดในยก 12 ก่อนที่จะยิงหมัดเด็ดน็อคเมซ่าไปอย่างงดงาม อย่างไรก็ตามเขากลับพลาดท่าพ่ายน็อค เจฟฟ์ ฟีเน๊ค แห่งออสเตรเลียในยกที่ 4 เสียแชมป์เพราะลดน้ำหนักมากจนหมดแรง เมื่อ 8 พฤษภาคม 2530 ที่ออสเตรเลีย ในไฟต์นั้นสามารถถูกกล่าวหาว่าล้มมวยจนเขาต้องสาบานเพื่อเคลียร์ตัวเองในที่สุด

สามารถหยุดชกไปนาน 5 ปี โดยหันไปเอาดีทางการแสดงและร้องเพลงซึ่งต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาเป็นจุดขาย สามารถก็ไปได้ดีไม่แพ้อาชีพค้ากำปั้น เป็นนักร้องศิลปินเดี่ยวก็มีอัลบั้มของตัวเอง เมื่อเป็นคนขายเงาเล่นหนังเล่นละครก็ประสบความสำเร็จในระดับรางวัลตุ๊กตาเงิน-ตุ๊กตาทองเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามเขาได้กลับมาชกมวยอีกครั้งจนสบโอกาสชิงแชมป์เฟเธอร์เวต WBA กับ อีลอย โรฮาส แต่ก็ไปไม่รอดแพ้ TKO ในยกที่ 8 ชิงแชมป์ไม่สำเร็จ และแขวนนวมไปในที่สุด แต่ในภาพรวมสามารถ พยัคฆ์อรุณ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักชกยอดนิยมคนหนึ่งของเมืองไทย

สำหรับสไตล์การชกนั้นเมื่อชาติชาย เชี่ยวน้อย เป็น "ไฟเตอร์"-มวยเดิน และโผน กิ่งเพชร เป็น "บ๊อกเซอร์"-มวยจังหวะฝีมือ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ก็ต้องเป็น "ไฟเซอร์" คือเดินก็ได้ถอยก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บนเวทีในช่วงจังหวะนั้นๆ สามารถเป็นมวยเชิงสูง สายตาดีเยี่ยม ฝีมือร้ายกาจจนได้รับการยกย่องเป็นยอดมวยอัจฉริยะ ฉายาจริงๆ คือ "พยัคฆ์หน้าหยก" หมายถึงไอ้เสือรูปหล่อตรงตัวเลย

ปัจจุบันสามารถเป็นนักแสดงติดอันดับที่มักจะจับคู่กับ เขาทราย แกแล็คซี่ "ซ้ายทะลวงไส้" ผู้มาจากโลกกำปั้นด้วยกันอีกคนหนึ่ง และบางครั้งยังรับจ๊อบเดินทางไปสอนมวยไทยยังสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

(เรียบเรียงเพิ่มเติมจากบทความ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ ฉายา "พยัคฆ์หน้าหยก" " คอลัมน์ ฉายาชาวยุทธ์ โดย สว่าง สวางควัฒน์ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับที่ 5130 วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2547 ปีที่ 14, "สกู๊ปพิเศษ 20 นักกีฬา 20 ปีสยามกีฬา" หนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน ฉบับวันที่ 8 มีนาคม 2548, ต้นฉบับภาพประกอบจากนิตยสารมวยโลก)