วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โผน กิ่งเพชร



ชื่อนักมวย:
โผน กิ่งเพชร

ชื่อจริง: มานะ สีดอกบวบ

วันเดือนปีเกิด: 12 กุมภาพันธ์ 2479

ภูมิลำเนา: อ. หัวหิน, จ. ประจวบคีรีขันธ์

สถิติ: 28-7-0; 9KO

เกียรติยศ
:
แชมป์ฟลายเวตประเทศไทย (เวทีราชดำเนิน) (2499-2500)
แชมป์ฟลายเวต
OPBF (2500-2501)
แชมป์ฟลายเวตเดอะริงก์ (2503-2505)
แชมป์ฟลายเวต NBA หรือ WBA (2503-2505, 2506, 2507-2508)

แชมป์ฟลายเวต WBC (2506, 2507-2508)


กว่า 40 ปีมาแล้ว ใครไม่รู้จัก "โผน กิ่งเพชร" ต้องบอกว่า..เชยระเบิด เพราะเขาคือนักมวยไทยคนแรกที่พิชิตบัลลังก์โลกได้สำเร็จ ถือเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางสายอินเตอร์ที่นักมวยไทยรุ่นหลังได้เจริญรอยสืบทอดต่อมา กระทั่งได้เป็นแชมเปี้ยนโลกกันมากมายหลายรุ่นหลายสถาบันแทบนับไม่ถ้วนอยู่ในเวลานี้…!!

แต่ เชื่อหรือไม่ว่าแฟนมวยหลายคนไม่ทราบว่า โผน กิ่งเพชร มีฉายาว่ากระไร หรือที่แท้โผนไม่เคยมีฉายาเลย...?

ความจริงก็คือมีแน่นอนครับ...และมีที่มาที่ไปชัดเจนด้วย ทั้งชื่อทั้งฉายา เพียงแต่ไม่ค่อยมีการพูดถึงเขียนถึงกันสักเท่าไร...!!

โผนมีชื่อจริงว่า "มานะ สีดอกบวบ" ชื่อเล่น "แกละ" เกิดที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2479 สูง 5 ฟุต 6 นิ้วครึ่ง

ชื่อ "โผน" นั้น คุณทองทศ อินทรทัต ผู้จัดการตั้งให้เพื่อรำลึกถึงญาติร่วมสกุลคนหนึ่ง คือ "พ.ต.โผน อินทรทัต" นายทหารที่บินจากต่างประเทศมาโดดร่มลงปฏิบัติภารกิจของหน่วยเสรีไทยแล้วมีอันเสียชีวิตที่กรุงเทพฯในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง...

"เจ้าแกละ" จากหัวหินจึงมีชื่อนักมวยว่า "โผน กิ่งเพชร" ด้วยประการฉะนี้

โผน กิ่งเพชร เป็นนักมวยสากลฝีมือมาตรฐาน แย็บซ้ายได้แม่นยำและเร็วเหมือนงูฉก ฟุตเวิร์กคล่องแคล่ว เคลื่อนไหวอย่างได้จังหวะลงตัว เหมือนเดินออกมาจากตำรามวยสากลเล่มใดเล่มหนึ่ง และโดยที่เป็นชาวหัวหินโดยกำเนิด จึงได้ฉายาว่า "งูเห่าทะเล" ซึ่งสุดเท่และโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ชัดเจน

แต่น่าแปลก แฟนมวยกลับไม่นิยมเรียกโผน กิ่งเพชรด้วยฉายา "งูเห่าทะเล" เหมือนกับที่เรียกฉายานักมวยดังคนอื่นๆ

อาจเป็นเพราะว่า ชื่อ "โผน กิ่งเพชร" นั้นได้รวมทุกความสุดยอดไว้ในตัวครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีฉายาหรือคำแทนชื่ออื่นใดอีก...อย่างนั้นก็ได้...??

โผนเป็นแชมป์โลกคนแรกของประเทศไทย โดยชิงตำแหน่งมาได้จากการเอาชนะคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์ 15 ยกเหนือต่อ ปาสคาล เปเรซ จากอาร์เจนติน่าเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2503 โดยเป็นการชกหน้าพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สนามมวยเวทีลุมพินี ซึ่งกรรมการ ลอเรนโซ่ เทอร์เรลบา (อาร์เจนติน่า) ให้โผนแพ้ 143-145 ส่วนกรรมการอีก 2 คนคือ สังเวียน หิรัณยเลขา ชาวไทยให้โผนชนะ 148-137 และ แน็ต แฟลชเชอร์ ให้โผนชนะ 146-140 ซึ่งการชิงแชมป์โลกครั้งนั้นได้รับการรับรองจากเดอะริงก์และสมาคมมวยนานาชาติ (NBA ซึ่งคือ WBA ในปัจจุบัน) ในเวลาเดียวกัน (แต่จากข้อมูลในอดีตนับรวมว่าโผนเป็นแชมป์ฟลายเวตของโลก ไม่ได้นับแยกสถาบันอย่างชัดเจน)

ต่อมาโผนก็ได้ป้องกันแชมป์อีก 3 ครั้งซ้อน ชนะน็อค ปาสคาล เปเรซ ยก 8 ในไฟต์แก้มือที่สหรัฐ ชนะคะแนน มิตสุโนริ เซกิ กับ เคียว โนกูจิ ที่ญี่ปุ่น ก่อนจะถูกเดอะริงก์ปลดออจากตำแหน่ง แต่ทาง NBA ยังคงรับรองให้โผนเป้นแชมป์โลกอยู่ โผนจึงต้องป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4 เฉพาะของ NBA และก็พ่ายทีเคโอ มาซาฮิโกะ "ไฟติ้ง" ฮาราด้า นักชกญี่ปุ่น ยก 11 ที่โตเกียว ในวันที่ 10 ต.ค. 2505 เสียแชมป์ไปในที่สุด (จากประวัติศาสตร์นับว่าไฟต์นี้เป็นศึกชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต WBA ยุคปัจจุบันเป็นคู่แรก)

เสียแชมป์แล้ว โผนไม่ยอมแพ้ฟิตซ้อมฝีมือทวงแชมป์คืนสำเร็จเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2506 ที่ยิมเนเซี่ยม 1 ล้างแค้นชนะคะแนนด้วยเสียงข้างมาก 15 ยก เหนือต่อ มาซาฮิโกะ "ไฟติ้ง" ฮาราด้า โดยกรรมการ สังเวียน หิรัณยเลขา ชาวไทยให้โผนชนะ 72-67, แน็ต แฟลชเชอร์ ให้โผนชนะ 71-67, แต่กรรมการชาวญี่ปุ่น ฮารูโอะ อิชิวาตาริโด ให้เสมอกัน 69-69 โดยหลังจากนั้นไม่นานทางสภามวยโลกหรือ WBC ก็ได้ยอมรับให้โผนเป็นแชมป์โลกของสถาบันด้วยอีกแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามโผนก็พลาดท่าเมื่อบินไปป้องกันแชมป์สมัยที่ 2 หนแรกที่แดนปลาดิบ แพ้น็อค ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ยกแรก ที่กรุงโตเกียว เมื่อ 18 ก.ย. 2506 เสียแชมป์ทั้ง 2 เส้นไปอย่างพลิกล็อค (จากประวัติศาสตร์นับว่าไฟต์นี้เป็นศึกชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต WBC ยุคปัจจุบันเป็นคู่แรก)

และไม่มีใครคาดคิด วัย 28 ปี ของโผนจะกลับมาทวงแชมป์คืนสำเร็จอีกหน เมื่อ ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ยินดีเดินทางมาให้ล้างตาที่ราชดำเนิน และโผนก็เอาชนะคะแนนไปได้อย่างไม่เป็นเอกฉันท์กลับมาเป็นแชมป์ฟลายเวต WBA และ WBA อีกครั้ง และได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลกฟลายเวท 3 สมัยคนแรกของเอเชีย แต่ในปีต่อมาโผนก็เสียตำแหน่งในการป้องกันครั้งแรกให้กับ ซัลวาตอเร่ เบอร์รูนี่ ด้วยการแพ้คะแนนที่กรุงโรม อิตาลี่ เมื่อ 23 เม.ย. 2508

โผนพยายามกลับมาชกอีกครั้ง แต่ก็แพ้คะแนน 10 ยก ให้กับ เบบี้ โลโรน่า นักชกฟิลิปินส์อย่างหวุดหวิด และโผนได้ขึ้นชกครั้งสุดท้ายในวันสงกรานต์ปี 2509 ที่ภูเก็ต ชนะน็อคยก 4 กุมารทอง ยนตรกิจ แบบทุลักทุเลสิ้นดี จากนั้นโผนจึงประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการด้วยวัย 30 ปี ทิ้งสถิติ ชนะ 28 (9KO) แพ้ 7 เอาไว้เบื้องหลัง

ชีวิตครอบครัวของโผนแต่งงานกับ มณฑา เพชรไทย ลูกสาวนายตำรวจใหญ่ มีบุตรด้วยกัน 4 คน แต่บั้นปลายชีวิตของโผนนั้นประสบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพการงาน หรือสุขภาพ เขากลายเป็นคนดื่นหนักร่างกายทรุดโทรม ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ก่อนถึงแก่กรรมด้วยสารพัดโรคเนื่องจากพิษร้ายของสุรา เมื่อ 31 พฤษภาคม 2525 (บางรายงานว่า 30 พ.ค. 25) รวมอายุได้ 47 ปี

ณ วันนี้ แม้ตำนาน "โผน กิ่งเพชร" จะปิดไปนานถึง 22 ปีแล้ว แต่วันที่ 16 เมษายน (2503) ถึงวันที่เขาพิชิตบัลลังก์โลกครั้งแรกก็ได้รับการเชิดชูเกียรติยกย่องให้เป็น "วันนักกีฬายอดเยี่ยม" ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมาตราบปัจจุบัน และพ.ศ. 2535 ชาวหัวหินได้ร่วมกันสร้างอนุสรณ์สถานรูป "โผน กิ่งเพชร" ตรงริมหาดหัวหิน เพื่อเป็นเครื่องระลึกเกียรติประวัติของแชมป์โลกคนแรกของไทย เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกเอาไว้

(เรียบเรียงและค้นคว้าเพิ่มเติมจากบทความ "คนไทยต่างรู้จัก "โผน กิ่งเพชร" แต่เขามีฉายาว่ากระไรใครรู้บ้าง?" คอลัมน์ ฉายาชาวยุทธ์ โดย สว่าง สวางควัฒน์ นสพ.ข่าวสด ฉบับที่ 5116 วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 14, บทความ "รำลึกถึง "โผน กิ่งเพชร"" คอลัมน์ บันทึกแชมเปี้ยน โดย ตรังคณู นสพ.มวยสยามรายวัน ฉบับที่ 4156 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ปีที่ 12, และต้นฉบับภาพประกอบจากนิตยสารมวยโลก)

Special Article

นาย ทองทศ อินทรทัต ผู้สร้างแช้มป์โลกคนแรกของไทย

แหล่งที่มา: นิตยสารมวยตู้ฉบับที่ ๑๐๑๖-๑๐๑๗ (เรียบเรียงจากหนังสือมวยเมืองไทย พ.ศ.๒๕๒๘)

ขอขอบคุณ คุณ Red Snow ที่นำข้อเขียนนี้มาเผยแพร่อีกครั้ง

(ต่อไปนี้เป็นการสัมภาษณ์ นายห้างทองทศ ขณะที่มีวัย ๗๒ ปี)

อาจารย์เข้ามาสู่วงการมวยอย่างไร และเลือกโผนขึ้นมาปลุกปั้น มีจุดเริ่มเป็นครั้งแรกอย่างไรครับ?

"ผมสนใจกีฬาทุกประเภทอยู่แล้ว กีฬามวยก็สนอยู่ ที่นี้เรื่องมันก็เริ่มจากนายโผนเขามาอยู่กับผมนี่ มันมากันแบบบังเอิญเสียมากกว่า ผมไปปลูกบ้านอยู่ที่หัวหิน แล้วก็มีพี่ชายเขามารับจ้างปลูกบ้านก็เลยชอบคอกัน เขาก็ฝากน้องชายมาสามคน....มาทำงาน เจ้าแกละ-โผนน่ะ....เด็กหน่อย"

ตอนนั้นอาจารย์มีค่ายมวยแล้วหรือยัง?

"ไม่มีหละครับ...ไม่มี ทีนี้ตอนนั้น ต่อมายามของผมที่ชื่อ บังราม พ่อ บังอินหรือ อิน นักประเสริฐ (โปรโมเตอร์เวทีราชดำเนินในเวลาต่อมา) นี่หละ เขาเป็นยามของผม ประกอบกับที่ทางราชดำเนินมีความจำเป็นจะต้องรองรับนักมวยที่มาจากทางเหนืออยู่สามคน งบประมาณไม่มีหรือไงเนี่ย หลวงธุระฯก็เลยมาติดต่อผม"

หลวงอะไรนะครับ?

หลวงธุระการ อยู่กับราชดำเนินหรืออะไรเนี่ย ผมจำเขาไม่ค่อยได้ เขาบอกมี นายเปลี่ยน เสมาทอง,นายแดงยักษ์ และใครอีกคนจากเชียงใหม่ ไม่มีที่พักไม่มีที่อยู่เรื่องเป็นงั้น ก็มาหาพ่อผม หลวงธุระการนั่นแหละมาหาคุณพ่อ คุณพ่อผมชอบมวย ดูประจำ คุณพ่อก็เลยบอกว่าเอาซิเอา มาอยู่กิ่งเพชรนี่แหละ...ก็เกิดตั้งค่ายขึ้นมา"

หมายถึงมาอยู่ที่ร้านใช่ไหมครับ?

"ไม่-ไม่ มาอยู่ที่โรงงาน คุณพ่อก็บอกว่า เอ้า!บังรามมาจัดการซิ ตั้งค่ายลื้อจัดการก็แล้วกัน แล้วลูกบังรามก็ขับรถไปตามผม ไอ้คนที่เป็นพี่เลี้ยงโผนคนแรกน่ะ ชื่อบังเราะห์-เราะห์ นักประเสริฐ พี่บังอินอีกที พอตั้งค่ายเขาก็ให้ผมเป็นคนตั้งชื่อ ผมก็เอาดื้อๆงั้นล่ะ มันซอยกิ่งเพชร ก็เอามันกิ่งเพชร เอาง่ายๆน่ะครับ นายโผนเขาก็มาอยู่ที่นั่น ก็ยังไม่ได้หัดมวยอะไร เพราะไม่มีครู มีแต่มวยไทย ต่อมานายเปลี่ยนมันชกชนะมาเรื่อย ก็ถึงมาชกกับ ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ ผมจำได้ 5 ยก มวยไทยมันชก 5 ยกใช่ไหมครับ ห้ายกนี่เปลี่ยนมันชกถูกประยุทธ์สามทีเท่านั้น ประยุทธ์ชกให้เกือบร้อยที เปลี่ยนมันชกไม่เป็น ได้แต่จับคอเขาเหวี่ยง พอไปเจอมวยหมัดเข้าก็แพ้ ตอนนั้นผมอยู่สวนกุหลาบ เล่นกีฬาที่สวนกุหลาบ ก็ไปถาม เทียน ทองจู เขาเป็นพลศึกษาเอก"

ใครนะครับ?

"เทียน ทองจู เขาเป็นพลศึกษาเอกรุ่นพี่ผมอีกที ผมก็พูดกับเขาว่า พี่เทียนหาครูสอนหมัดให้ชกเก่งๆสักคนได้ไหม เขาก็บอก อ้าว! เอาอาจารย์นิยมไปซิ อาจารย์นิยม (ทองชิตร)กำลังนอนเจ็บอยู่ที่สวนแน่ะ ตอนนั้นผมไม่รู้จักอาจารย์นิยมหรอก ผมก็ไปกับไอ้เปลี่ยน เดินด๊อกๆถือการ์ดพี่เทียนไปที่วัดหิรัญรูจี ก็ไปพบอาจารย์นิยมนอนผะอมอยู่ เป็นทูเมอร์-ไม่ใช่แคนเซอร์(มะเร็ง)น่ะ ไม่ใช่ทีบีวัณโรค แต่เป็นเรียกว่าน้ำในปอดมีถุงน้ำในปอด ผมก็แสดงการ์ดให้ดู อาจารย์นิยมก็บอกว่า เอาสิครับ ผมเห็นผมมีประโยชน์อะไรบ้างก็ไป แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ไหว เป็นนั่นเป็นนี่ ผมก็เอาตัวอาจารย์นิยมมารักษาจนหาย เอ้านี่เลยย่อๆ แกก็เลยสมัครใจทำงานที่ผม ตกลงเราก็มีค่าย มีเวทีและก็มีครูมวยแล้วนะครับ"

"ตอนนั้นปี ๒๔๙๗ กรมตำรวจเราเตรียมจะจัดให้ จำเริญ ทรงกิตติรัตน์ ขึ้นชิงแช้มป์โลกรุ่นแบนตั้มเวทกับ โรเบิร์ต โคฮัง นักมวยชาวฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯ พลตำรวจเอกพิชัย กุลละวณิชย์ ก็เลยเอาไอ้เจ้าโคฮังเนี่ย มาซ้อมที่ค่ายผมเป็นประจำคุณยังเล็กๆอยู่มั้ง และเป็นที่รองรับไปด้วย นายโผนมันก็ไปเกาะเวทีดูอยู่งั้นแหละ ไม่ได้เป็นมวยอายุสัก ๑๔-๑๕ เห็นจะได้มั้ง ต่อมานายโผนก็ไปขอหัดมวยกับอาจารย์นิยม นายโผนไม่เป็นมวยอะไรมาเลยครับ นายโผนเขาขอเอง ผมก็ถามล่ะว่า หัดมวยเอาไหม เขาบอกว่าเอา เอาก็เอา ก็เลยเรียนกับอาจารย์นิยมนั่นแหละครับ เริ่มกันตรงนั้น อาจารย์นิยมแกเป็นครูมวยในค่ายแล้วนะครับตอนนั้น สอนใครต่อใครอยู่ ไม่ได้หมายถึงนายโผนคนเดียวนะ"

โผนหัดมวยสากลอย่างเดียว ตลอดเลยใช่ไหมครับ?

"ครับ...หัดแต่สากลอย่างเดียว"

ได้ยินมาว่า อาจารย์นิยมหัดมวยให้กับโผน ถึงขนาดที่ว่าเอามือขวาผูกไว้แล้วให้ใช้มือซ้ายข้างเดียว?

"นั่นเป็นหลักของแก ปกติคนเราถ้าถนัดขวามือซ้ายก็มักจะทำอะไรไม่ค่อยถนัด หรือว่าชกไม่หนัก-ไม่มีน้ำหนักหมัด นายโผนเป็นคนถนัดขวา ทีนี้อาจารย์นิยมแกต้องการให้โผนใช้หมัดซ้ายได้ดีเท่ากับหมัดขวาที่ถนัด ก็เลยต้องฝึกหมัดซ้ายกันให้มาก วิธีของแกก็คือทำอะไรต่างๆ ให้ใช้แค่มือซ้ายข้างเดียว จะซ้อมหรือซ้อมคู่ต่างๆ และแม้แต่เวลาจะกินข้าวก็ให้ใช้มือซ้าย ห้ามใช้มือขวา กินข้าวกินปลาเขียนหนังสือก็ห้ามใช้มือขวา เอากันจนชำนาญ"

ทำอย่างนี้นานไหม?

"โอ้...นานครับผม ทำกันจนกระทั่งมือซ้ายมันพอมีเหตุฉุกเฉินจวนตัวเข้าล่ะก้อ ซ้ายมันออกไปก่อนทีเดียว ไม่ใช่ขวานี่เป็นหลัก"

ทำไมถึงตั้งชื่อว่าโผนและใครเป็นคนตั้ง?

"ผมตั้งเองครับ นึกขึ้นมาอย่างนั้นแหละ มีน้องอยู่คน ตายไปแล้วเลยเอามาตั้งแทน ผมชอบตั้งคำเดียว คำเดียวเท่านั้นก็พอ"

โผนหัดตอนนี้อยู่นานไหมครับ?

"โอ้ว...นานครับ หมัดซ้ายอย่างเดียวก็ปีกว่าเข้าไปแล้ว หมัดซ้ายอย่างเดียวกับเขาปีกว่า คุณจำไว้เถอะอาจารย์นิยมไม่ให้ใครง่ายๆหรอก แล้วการสอนอาจารย์นิยมแกบอกว่าผมมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเป็นร้อยๆไม่ใช่เก่งทุกคน อันนี้เกี่ยวกับความเอาใจใส่หรือความขยันขันแข็ง"

โผนชกมวยอยู่กี่ปีครับถึงเห็นแววเขา ถึงได้มีการผลักดันให้ได้ชิงแช้มป์โลก?

"ผมเห็นเขาชกครั้งสุดท้าย ชิงแชมเปี้ยนตะวันออกไกลกับ แดนนี่ คิด นักมวยฟิลิปปินส์ นั่นแหละจุดแรกที่ผมจับเด็กคนนี้ วันนั้น แดนนี่ คิด มันมาป้องกันตำแหน่งกับโผนที่ราชดำเนิน วันนั้นโผนกรามหักตั้งแต่ยก ๕ หรือยก ๖ ถ้าเป็นนักมวยธรรมดามันยอมแล้ว-ชกไม่ได้หรอก แต่นายโผนมันกัดฟันเอาไปจนได้ พอชนะแล้วต้องเอาโผนขึ้นรถพยาบาลไปโรงพยาบาลตำรวจเลย ผมก็เห็นแววว่า เอ..ไอ้คนนี้ถ้าจะไม่ใช่เล่นๆขนาดกรามหักก็ยังไม่ยอมแพ้ ผมขึ้นไปจับกรามดู ห่างครับ ห่างตั้งแยะ โดนหัว แดนนี่ ติด กระแทก ก็คิดว่าเด็กคนนี้น่าจะไปไกลกว่านี้ เพราะมีความทรหดอดทนหัวใจนักสู้ดี"

"แล้วโชคมันบันดาลหรือพรหมลิขิตหรือไงไม่รู้ เจ้า โลเป ซาเรียล อยู่ฟิลิปปินส์ มันนึกไงไม่รู้ครับ มันเอาฟิล์มที่ แดนนี่ คิด ชกกับเปเรซ (ปาสคาล เปเรซ แช้มป์โลกรุ่นฟลายเวทในขณะนั้น)มาให้ผม โดยที่ผมไม่ได้ขอเลย เป็นฟิล์มที่ แดนนี่ คิด ชกแพ้เปเรซในการชกชิงแชมเปี้ยนโลกปีก่อนโน้น เอามาให้ได้ มันเกิดชอบยังไงไม่ทราบ หรือจะเป็นเพราะผมไปรับรองเขาเล็กๆน้อย มาหาผม ผมก็ต้อนรับดี เอามาให้ไม่ได้อะไรเลย นี่เป็นทางไปสู่แชมเปี้ยนโลกของนายโผน ก็เลยเอามาฉายดู อาจารย์นิยมดูแล้วก็บอกว่า เอ๊! นี่มันไม่เก่งอะไรนักนี่ เตี้ยๆ ถ้าหมัดซ้ายดีซะอย่าง จะแพ้เรามั้ง แกก็ว่าของแกอย่างนั้น แกก็เริ่มหัดซ้ายหน้าให้โผนอย่างจริงจังเรื่อยมา"

จากนั้นอาจารย์ทำอย่างไรต่อไป?

"อาจารย์แกหัดหมัดซ้ายจนกระทั่งมั่นใจดีแล้วนะครับ อ้อ..ตอนหัดนี่อาจารย์นิยมแกทำกระสอบทรายที่ซ้อมไม่เหมือนใคร กระสอบทรายที่คุณเห็นจะเป็นรูปทรงยาวๆลงมาทั้งใบใช่มั๊ย แต่ของอาจารย์นิยมนี่แกทำปุ่มยื่นออกมาปุ่มหนึ่ง ในระดับที่ประมาณว่าเท่ากับความเตี้ยเท่ากับคางของเปเรซ อันนี้เอาไว้หัดให้โผนซ้อมชกหมัดอัปเปอร์คัทหรือหมัดฮุ๊คซ้ายโดยเฉพาะ อาจารย์นิยมแกหัดหมัดซ้ายของโผนนี่นานครับ นานจนกระทั่งแกมั่นใจว่าซ้ายนี้ไม่ใช่ซ้ายธรรมดาเสียแล้ว ทั้งหมัดแย็ปซ้ายและซ้ายตรง ซึ่งทั้งสองหมัดนี้ไม่เหมือนกันนะครับ"

"อาจารย์แกเคยชกมวยแล้วแพ้ จิมมี่ ไวลด์ (อดีตแช้มป์โลกรุ่นฟลายเวทชาวเวลล์)ที่อังกฤษ แกแพ้ซ้ายตรง ปากจมูกแตกหมดเลย ตอนนั้นรัฐบาลไทยส่งอาจารย์นิยมไปเรียนมวยที่อังกฤษถึง ๖ ปี ระหว่างนั้นแกก็เข้าร่วมแข่งขันเรียกว่าวันเดย์ทัวร์นาเม้นท์ชกตั้งแต่เช้าแพ้ชนะกัน ๖ ทุ่ม ล่อกันไม่รู้กี่ร้อยคู่พันคู่ก็ว่ากันไป..."

รัฐบาลที่ส่งอาจารย์นิยมไปเรียนมวยสากลที่อังกฤษ นั้นเป็นรัฐบาลชุดไหน?

"แหมมันนาน...เข้าใจว่าจะเป็นรัฐบาลชุดที่ จอมพล ป. ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ครับ พวกพละศึกษาเค้ารู้ครับว่า รัฐบาลโดยกระทรวงธรรมการ หรือ ศึกษาธิการ ส่งอาจารย์นิยมไปเรียนมวยสากลโดยเฉพาะ แล้วแกไปชกชิงตำแหน่งระหว่างนักเรียนด้วยกัน จนได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่ไปแพ้ จิมมี่ ไวลด์ ตอนหลังเขาก็เป็นแชมเปี้ยนโลกรุ่นฟลายเวทคนหนึ่ง อาจารย์นิยมแพ้คราวนั้น แพ้หมัดซ้ายตรง หน้าตาแตกหมดอาจารย์นิยมเลยยอมเป็นลูกศิษย์ของเทรนเนอร์ของ จิมมี่ ไวลด์ ขอศึกษา"

ก็เลยเอาซ้ายตรงนั้นมาสอนโผนต่อ?

"ครับ...ซ้ายตรงน่ะ ถ้าผมจำไม่ผิดแกว่า น้ำหนักตัวของนักมวยมีอยู่เท่าไหร่ อยู่ที่ปลายหมัด นั่นคือ ซ้ายตรง สมมุติน้ำหนัก ๕๕ กิโล เมื่อทำหมัดซ้ายตรงได้ถูกต้อง ไอ้ปลายหมัด ๕๕ กิโลนี่แหละถูกหน้าคน ถูกจมูกคน มันจะไปทนอะไรไหว จมูกคนเราโป๊ะเดียวแตก ไม่แตกก็...โอ๊ะ!หมดล่ะครับ"

หลังจากที่โผนชนะ แดนนี่ คิด แล้วนานไหมกว่าจะได้ขึ้นชกอีกและได้ชิงแช้มป์โลก?

"นานครับ นานทีเดียว แกฝึกเอาจนมั่นใจ ๖-๗ เดือนน่ะครับ"

แล้วระหว่างที่อาจารย์นิยมฝึกซ้อมโผนอยู่นั้น ทางด้านต่างประเทศ ใครเป็นคนติดต่อครับ จนกระทั่งได้ชิงแช้มป์โลก?

"ผมติดต่อเองครับ โดยเขียนหนังสือถึง ลุงแน็ต แฟลตเชอร์ ประธานมวยโลกเดอะริงในขณะนั้น"

ตอนที่โผนได้แช้มป์ภาคตะวันออกโดยชนะ แดนนี่ คิด แล้วนั้น โผนได้เข้าอันดับโลกหรือยังครับ?

"ครับ...พอชนะทีนั้นก็ได้เข้าอันดับโลก ผมก็เลยเขียนหนังสือไปถึงลุงแน็ต ปรึกษาขอให้หาคู่ชกให้ ผมจำได้ว่าผมปรึกษา คุณประภาส หรือไงเนี่ย..."

มีทีเด็ดอะไรหรือว่ากลเม็ดอะไรอีกไหมครับ ที่อาจารย์นิยมสอนให้โผน?

"มีเยอะแยะครับ ผมจำไม่ค่อยได้ แต่พวกคุณคงเคยเห็นอันหนึ่ง คือ เวลาโผนฮุ๊คซ้ายออกไปแล้วบังเอิญมันพลาด ไอ้หมัดซ้ายที่พลาดเป้านั้น ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์น่ะครับ เพราะหมัดที่พลาดนั้นแหละจะกลับไปรั้งคอของคู่ชกเข้ามา แล้วหมัดขวาก็จะชกออกไปเป็นอัปเปอร์คัท แต่ซ้ายและขวาต้องทำเป็นเวลาเดียวกันนะ...วิธีนี้โผนใช้ได้ผลมากครับ หมัดขวาชกออกไปเป็นได้เลือดทุกที"

จอมพลประภาส จารุเสถียร เข้ามาสนับสนุนโผนได้อย่างไรครับ?

"ตอนนั้นท่านกับผมอยู่ใกล้กัน ไปไหนไปด้วยกัน ตอนนั้นท่านเป็นแม่ทัพอยู่ในกรุงเทพฯนี่แหละ ตอนนั้นท่านกับผมทำร้านอาหารด้วยกันอยู่หรือไงเนี่ยแหละ กินๆเที่ยวๆกันอยู่ก็ปรึกษากัน ผมก็บอกว่าเด็กคนนี้มันมีแววอย่างงั้นอย่างงี้นะ จะสร้างจะสนับสนุนพอมีทางไหม ก่อนหน้านั้นคุณประภาสเป็นนักมวยนี่ เคยเป็นแช้มป์เหรียญทองหรือไงผมก็จำไม่ถนัดนัก แต่แล้วเงียบๆหายไป จนกระทั่งคุณประภาสเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย อาจารย์นิยมเขาก็ยุให้ผมติดต่อกับผู้ใหญ่ให้จัดชิงแชมเปี้ยนโลก ผมก็ไปบอกคุณประภาสว่าทำไหวมั๊ย ท่านก็บอกว่า อ้อ! ลองปรึกษากันดูก่อน แล้วท่านนึกไงไม่รู้บอกกับผมว่าบินไปซิ บินไปญี่ปุ่น ลองไปติดต่อดู แล้วหาทางเอาตำรวจนี่แหละจัด และให้กรมตำรวจจัด ผมก็บินไป เพราะตอนนั้นเปเรซมันไปชกป้องกันตำแหน่งกับนักมวยญี่ปุ่น ตอนนั้นเรือบินก็ไม่ทันสมัยเหมือนอย่างเดี๋ยวนี้ ผมก็บินเป็นครั้งแรก บินแท็กๆไปลงที่ไหนไม่รู้ ไม่ใช่ที่ญี่ปุ่น โดนไต้ฝุ่นมันตีไปที่ไหนไม่รู้ พอไปถึงโตเกียวได้ก็ผิดเวลาไปตั้ง ๔ ชั่วโมง ผมก็เอาล่ามไปที่สถานทูตพูกภาษาสเปนได้ ตอนนั้นเปเรซจะขึ้นชกป้องกันตำแหน่งกับนักมวยญี่ปุ่น ชื่ออะไรผมจำไม่ได้แล้ว ผู้จัดการมันบอกขอชกที่ญี่ปุ่นอีกทีซิ ทำเงินเสียก่อนแล้วค่อยมาติดต่อใหม่อีกที ดูเหมือนผู้จัดการคนนั้นจะชื่อ โคซี่" }

"ผมก็บินกลับมารายงานให้คุณประภาสทราบ ตอนนั้นเปเรซชกเสร็จชนะน็อคญี่ปุ่นคนท้าชิงนั้น แล้วอีก ๒-๓ เดือนต่อมา มันก็ไปชกที่ญี่ปุ่นอีก ตามที่มันว่าจะไปหาเงิน ผมก็บินไปอีก ไอ้โคซี่มันบอกว่า เอ้า!ถ้าชกทีนี้เสร็จแล้ว ถ้าชนะมันจะให้เปเรซมาชกป้องกันตำแหน่งกับโผนเป็นคนต่อไป ผมก็กลับมารายงานคุณประภาส ทางโน้นที่ญี่ปุ่นก็ปรากฎเปเรซชนะน็อคนักมวยญี่ปุ่นอีกคน" "คุณประภาสก็สั่งให้ผมบินไปอาร์เจนติน่า ไปเซ็นสัญญาเอาตัวเปเรซมาป้องกันตำแหน่งกับโผนให้ได้ ผมก็บินไปตามคำสั่ง มันก็ตกลงแล้ว แต่ตอนนั้นผมได้ข่าวไม่ค่อยดีด้วยว่าเปเรซแตกแยกกับผู้จัดการด้วยเรื่องส่วนตัว เรื่องภรรยาเลิกกัน ผมก็คิดว่า เอ๊ะ!..จังหวะนี้ดีนี่หว่า ผัวเลิกกับเมียมีลูกกันหลายคนเนี่ย จิตใจคงเสีย ไม่ว่าใครทั้งนั้น ผมก็กลับมารายงาน ตอนนั้นที่ผมตกลงกับผู้จัดการของเปเรซน่ะ ข่าวมันออกไปทั่วโลกแล้วว่า กรมตำรวจไทยจะจัดมวยชิงแชมเปี้ยนโลกอีกแล้ว แต่พอผมกลับมาคุณประภาสพูดว่า..ทศ ทางกรมตำรวจเขาไม่มีงบประมาณจะจัด และก็มีคนเขาไม่เห็นด้วย"

ใครครับที่ไม่เห็นด้วย?

"อย่าให้ผมออกชื่อเลย เพราะคนๆนี้อยู่ในวงการมวย เขาไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าโผนมือไม่ถึง จัดไปก็แพ้ โผนชกมวยฝรั่งไม่กี่ครั้ง แต่อาจารย์นิยมบอกกับผมว่า ไม่น่ามีปัญหานี่ ของเราน่าชนะอย่างนี้เตี้ยๆ สบายมาก...คุณประภาสบอกว่า คนเขาคัดค้านอย่างนี้แหละ จัดไม่ได้เสียแล้วล่ะ แล้วคุณประภาสก็หันมาหาผม ถามว่าทองทศจัดได้มั๊ย ผมบอก ผมจะจัดได้อย่างไรล่ะครับเพราะหนึ่งจะจัดต้องมีผู้ช่วยที่ต้องช่วยผมแยะ รัฐบาลต้องช่วย ทางด้านสรรพากรภาษี สถานที่อะไรร้อยแปดประการ พอพูดมาถึงตรงนี้ ท่านรัฐมนตรีมหาดไทยก็บอกว่า เอาซี คุณไปขออำนาจในกรมออกมา คุณไปดำเนินการ ผมจะเป็นแบ็คให้อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เราจัดเรื่องการกุศลต่างๆก็ได้ ผมจะช่วยทั้งนั้น ข่าวมันออกไปแล้ว ไม่จัดไม่ได้"
ผมก็บอก เอ้า! เอาก็เอาตกลงผมจัดเอง ท่านอยู่ข้างหลัง ด้านอื่นๆ ผมจัดการเอง ท่านช่วยด้านภาษี กองกำลัง ด้านความปลอดภัยอะไรต่างๆทุกอย่าง คุณประภาสก็โอเค ช่วยผมเต็มที่ ลำพังผมคนเดียวทำไม่ได้ สถานที่ท่านก็สั่ง คุณกฤษณ์ สีวะรา ให้ช่วย เราก็ซ่อมเวทีซื้อไม้ซื้ออะไรไปทำ เสธ.เอิบ แสงฤทธิ์ ท่านก็ช่วย"

เรียกว่าเป็นการบังเอิญหรือถูกมัดมือชกให้จัด?

"ก็ทำนองนั้น ผมคิดว่าเป็นความบังเอิญที่จำเป็นมากกว่า ที่ตัวเองต้องรับจัดชิงแช้มป์โลกคราวนั้น"

ตอนนั้นใช้งบประมาณจัดสักเท่าไหร่?

"ต้นทุนทั้งหมดไม่เกิน ๓ ล้านบาทไทย"

ค่าตัวเปเรซตอนนั้นเท่าไหร่?

"ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาล้านครึ่งมั้งครับ ล้านกว่าแต่ไม่ถึงสองล้านแน่ ดูเหมือนจะล้านห้าแสนบาท รวมทั้งค่าตั๋วเครื่องบินด้วย

ตอนนั้นประชาชนสนใจมากไหม?

"มากไม่มากผมไม่รู้ แต่วันชกคนเข้าไปมากมายเหลือเกิน เข้าจนพังน่ะ รื้อประตูข้างหลังเข้ากันเลย เก็บเงินไม่ได้ ถ้าเก็บได้ตอนนั้นละก็คงได้หลาย แต่เก็บไม่ได้เพราะเข้าดูฟรีกันแยะ ทหารตำรวจก็เต็มไปหมดที่ทำหน้าที่อยู่ แต่ทำไม่ลงครับ งัดรั้วสังกะสีขอดูกันเลย ยกมือไหว้ขอดู บอกจะเข้าไปให้กำลังใจโผน คราวนั้นผมขาดทุนไป ๘ แสนยังจำได้ ถ้าเก็บได้เต็มก็อาจได้กำไร"

วันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรด้วยใช่ไหม?

"ครับ ผมเป็นคนกราบฝ่าพระยุคลบาททูลอัญเชิญเสด็จฯเอง รัฐมนตรีทุกคนผมก็เชิญ ทูตต่างๆผมก็เชิญ"

ถึงตอนนี้อยากให้อาจารย์เล่าถึงบรรยากาศวันชกสักหน่อย?

"มันก็ตื่นเต้นไปธรรมดาล่ะครับ เราเคยชิงแช้มป์โลกไปแล้วสามหนสำหรับจำเริญ ครั้งนั้นกรมตำรวจเป็นผู้จัด ซึ่งดูเหมือนจะจัดที่สนามแห่งชาติใช่ไหมครับ แต่คราวนี้ผมจัดเองเป็นแบบไปรเวทในรูปของเอกชน ขอใช้สนามกีฬาแห่งชาติเขาก็ไม่ให้ ก็เลยต้องมาใช้เวทีลุมพินี ต้องมาซ่อมแซมเอาเอง"

ตอนนี้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกระแสรับสั่งอะไรแก่โผนหรือคนอื่นบ้าง?

"ตอนนั้นผมไม่ได้พานายโผนไปเข้าเฝ้าละอองธุลีพระบาท หลังชกแล้วเพราะกำลังชุลมุนไปหมด ผมให้พี่ชายพาไปเข้าเฝ้าฯก็เลยไม่ทราบ"

วันนั้น ที่ในหลวงเสด็จฯ ตอนก่อนชกหรือว่าระหว่างชก?

"ก่อนชกครับ ทรงทอดพระเนตรตั้งแต่ยกแรกเลย"

วันนั้นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ แล้วในฐานะที่อาจารย์อยู่เบื้องหลัง อาจารย์ได้จดหรือจารึกอะไรไว้บ้าง?

"ผมได้เขียนไว้ในสมุดภาพการชก ผมยังเก็บไว้เลย ผมเขียนไว้ว่า วันนั้นน่ะ...นอกจากใช้ปากกัดแล้ว เปเรซใช้วิธีสกปรกทุกอย่าง"

วันนั้นน่ะครับ อยากให้กล่าวถึงบุคคล ที่มีส่วนผลักดันให้ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นมาได้?

"ครับ ก็ท่านรัฐมนตรีประภาสไง ตอนนั้นท่านเป็นพลตำรวจเอก เพราะเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ช่วยเหลือทุกอย่าง ท่านเป็นคนสำคัญที่ช่วยอยู่อย่างเต็มที่ ถ้าไม่มีท่าน โผนก็อาจจะไม่ได้ชิงแช้มป์โลกในคราวนั้นก็ได้ครับ คนอื่นๆก็มีพี่ชายทางฝ่ายผม ทางฝ่ายต่างประเทศสมัยนั้นไม่เห็นยาก ผมมีคนเขียนหนังสือฝรั่งอยู่คน เป็นผู้หญิงฝรั่งคือ คุณหญิงอภัยภูเบศร์ เป็นภรรยาของคุณ...อะไรน้าผมเลือนๆชื่อเสียแล้ว จำได้ว่าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษของคุณศศิมา ภรรยาของ คุณเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรณ์ หรือ คุณอ๋อง ผมเรียกแกว่าคุณหญิงแหม่ม ให้แกเป็นคนเขียนหนังสือโต้ตอบ"

เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?

"ก็ไปให้เปเรซแก้มือที่ลอสแองเจลิส การชกครั้งนี้ไม่มีอะไรมากครับ ก็อย่างที่ผมว่า คนเราเลิกกับเมียมันย่อมมีอะไรอยู่ในใจ เปเรซมันปล่อยตัวแล้วครับ แต่ขนาดปล่อยตัวแล้วมันก็ยังซ้อมเต็มที่เหมือนกัน แต่เสร็จแล้วก็ไม่มีแรง แพ้แก่โผนอีกในยกที่ ๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ปี ๐๓ ตอนไปลอสแองเจลิสนั้น นอกจากได้ชัยชนะกลับมาแล้ว โผนยังได้วิชาความรู้ที่คิดว่ามีค่าที่สุดกลับมาด้วย"

"คือระหว่างที่ฟิตซ้อมอยู่ในลอสแองเจลิสนั้น ลุงแน็ตได้พาแช้มป์โลกมาสอนโผนตั้งหลายคน คือเอา ชูการ์ เรย์ โรบินสัน มาสอนฟุตเวิร์คที่ถูกต้องให้โผน แล้วก็เอา ร็อคกี้ มาร์เซียโน่ มาสอนการชกวงใน ส่วนนี้ทำให้โผนเป็นนักมวยที่มีฝีมือพร้อมกันอยู่ในตัว และถูกต้องได้มาตรฐานด้วย น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้รับการถ่ายทอดความรู้นี้ไว้ อาจารย์นิยมนั้นก็มีฝีมือมีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว แล้วโผนยังได้แช้มป์โลก ๒ คนนั้นมาเพิ่มเติมให้อีก การชกในระยะหลังของโผนจึงเรียกได้ว่า สมบูรณ์ในด้านฝีมือที่สุดครบ ๑๐๐ % เวลาชกเหมือนกับเต้นรำ"

หมายเหตุ : การให้สัมภาษณ์ของนายห้างทองทศในต้นฉบับจบลงเพียงเท่านี้ ซึ่งจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่ปรากฎว่า นายห้างฯได้อนุญาติให้ใครเข้าพบอีกเลย จวบจนกระทั่งเสียชีวิต)