วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม



ชื่อนักมวย: พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม

ชื่อจริง:
วงศ์กร วันจงคำ

วันเดือนปีเกิด:
11 สิงหาคม 2520

ภูมิลำเนา:
อ. บัวใหญ่, จ. นครราชสีมา

สถิติ:
67-3-1; 35KO


เกียรติยศ
:
แชมป์ไลต์ฟลายเวต WBU (2540-2541)
แชมป์ฟลายเวต WBC (2544-
2550
)

พงษ์ศักดิ์เล็กจัดได้ว่ามีกำปั้นที่สั่งได้คนหนึ่ง เขาครองแชมป์ฟลายเวต WBU ด้วยการชนะน็อค มซูกิซี่ ซิกาลี่ แชมป์จากแอฟริกาใต้แค่ยกแรก เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2540 แต่เขาก็ไม่ได้ป้องกันตำแหน่งเลยตลอดเวลาหนึ่งปีที่ครองแชมป์ เพราะทางไทยได้บอยคอตการจัดมวยชิงแชมป์ WBU ในตอนนั้น จนกระทั่งถูกถอดออกจากตำแหน่งไปในที่สุด

อย่างไรก็ตามเขาก็ใช้เวลาอุ่นเครื่องอีก
3 ปี ก่อนที่จะขึ้นชิงแชมป์ฟลายเวต WBC จาก มัลคอล์ม ทูนาเกา แชมป์ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งพงษ์ศักดิ์เล็กก็เดินลุยใส่ตั้งแต่ยกแรกและก็เป็นฝ่ายถล่มเอาทูนาเกาล้มกลิ้งล้มหงาย 3 ครั้ง จนเอาชนะ TKO 1 ไปได้อย่างง่ายดายชิงแชมป์มาได้สุดสวย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2544 หลังจากนั้นเขาก็ป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้ 12 ครั้งแล้ว
และเตรียมตัวที่จะทำสถิติป้องกันตำแหน่งให้ได้ 15 ครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะได้เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติคุณของสภามวยโลกต่อไป

"เจ้ากร" หรือ "วงศ์กร วันจงคำ" ในชื่อจริงนั้น
ดูจะสนอกสนใจในเรื่องการหาทำเลกว้านซื้อที่ดินเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเดินทางตระเวนไปชกที่ใด เป็นต้องสอบถามผู้รู้เกี่ยวกับสนนราคาบ้านและที่ดิน รวมทั้งทำเลค้าขายในย่านนั้นเป็นพิเศษ เมื่อถามถึงเหตุผล พงษ์ศักดิ์เล็กเล่าว่า

"ผมเริ่มชกมวยไทยตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เป็นมวยแถมคู่ก่อนเวลา ไต่เต้าจนกระทั่งเป็นมวยคู่เอก เส้นทางมวยสากลอาชีพก็ไม่ต่างไปจากกัน ครอบครัวของผม พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่ก่อนเป็นแชมป์โลก ตัวผมเองจึงยังไม่คิดจะมีแฟนตอนนี้ แต่อยากมุ่งมั่นกับการชกมวยเพียงอย่างเดียว เพื่อหวังเก็บเงินเป็นทุนไว้ เมื่อยามเลิกมวยจะได้ไม่ลำบาก เมื่อถึงเวลาแขวนนวม ผมฝันว่าจะได้มีครอบครัวอันอบอุ่น ไม่แตกแยกและแร้นแค้นเหมือนชีวิตผมในวัยเด็ก"


นั่นคือความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของแชมป์โลกไทยวัย
26 ปี ที่นักมวยไทยอีกหลายต่อหลายคน น่ายึดถือเป็นแบบอย่าง !!!

การป้องกันแชมป์ครั้งที่ 12 เขาสามารถชนะเทคนิเกิ้ลโดยคะแนนคู่ปรับเก่า ไดสุเขะ ไนโตะ อดีตคู่ชิงแชมป์คนที่ 4 ในวันที่ 10 .. 2548 ที่ผ่านมา ที่เขาเคยเอาชนะน็อคไปแค่ 34
วินาทีของยกแรกที่เมืองไทย อันเป็นสถิติโลกน็อคเร็วที่สุดของรุ่นฟลายเวตอยู่ในปัจจุบัน และการป้องกันแชมป์ครั้งที่ 13 ที่เมืองไทยเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 ก็สามารถชนะคะแนน กิลเบอร์โต้ เค็บ-บาส ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกันไปได้อย่างขาดลอย

พงษ์ศักดิ์เล็กป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 14 และ 15 เอาไว้ได้ด้วยการชนะคะแนนผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่น ไดโกะ นาคาฮิโร่ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2549 และชนะ
TKO4 (แตก) ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกัน ชาวอีเวอราโด้ โมราเลส ในวันที่ 30 มิถุนายน 2549 จนได้รับการบรรจุเข้าหอเกียติคุณของ WBC
ไปแล้วตามกฏ

เขาป้องกันแชมป์ครั้งที่ 16 เอาไว้ได้ด้วยการชนะคะแนนผู้ท้าชิงชาวแอฟริกาใต้ โมเนลิซี่ มยิฮิซ่า มเยเกนี่ ในไฟต์บังคับ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะป้องกันแชมป์ครั้งที่ 17 ชนะ
TKO7
ทโมโนบุ ชิมิสึ เมื่อ 6 เมษายน 2550 ก่อนที่ไปพลาดท่าเสียแชมป์พ่ายคะแนน ไดสุเขะ ไนโตะ แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในการการป้องกันแชมป์ครั้งที่ 18

จากนั้นอีก 3 เดือนต่อมาพงษ์ศักด์เล็กก็กลับมาอุ่นเครื่อง และชนะไปแล้ว 2 ครั้ง ก่อนที่จะได้ชิงแชมป์โลกคืนจากไนโตะเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2551 แต่ก็ทำได้แค่เสมอเท่านั้น ยังชิงแชมป์คืนไม่สำเร็จ


(ข้อความบางส่วนจากคอลัมน์ มุมนักสู้ นสพ.ข่าวสด ฉบับที่ 5115 วันที่ 30 พฤศจิกายน ..2547 ปีที่ 14 และต้นฉบับภาพประกอบจากเว็บไซด์สำนักข่าวต่างประเทศ)


Special Article

เวทีชีวิตของ "พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม"

ผู้จัดการรายวัน 15 มกราคม 2550

จากชีวิตที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะก้าวขึ้นไปเหยียบผืนผ้าใบ แต่สุดท้ายแล้วกลับก้าวขึ้นสู่การเป็นแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่จนได้จารึกชื่อในระดับฮอลล์ ออฟเฟม แถมในปี 2550 นี้กำลังจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น นั่นคือการทำลายสถิติป้องกันแชมป์ติดต่อกันมากที่สุด 19 ครั้งของ เขาทราย แกแล็คซี่ ยอดนักชกตลอดกาลของเมืองไทย...

นั่นคือเรื่องราวชีวิตคร่าวๆของ "พงศกร วันจงคำ" หรือที่แฟนมวยทุกคนรู้จักกันดีในนาม "พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม" เด็กหนุ่มผู้ก้าวเดินจากการทำงานในอู่ซ่อมรถ มาชกมวยไทย และสุดท้ายประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฐานะเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก WBC และป้องกันมาได้แล้วถึง 16 ครั้ง มีเงินมีทองเป็นกอบเป็นกำ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยอดนักชกผู้นี้ยังเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย และมีความเป็นอยู่มัธยัสถ์พอเพียงอย่างเหลือเชื่อ แม้จะเป็นถึงแชมป์โลกที่มีฐานะค่อนข้างดี เนื่องจากเดินทางไปป้องกันตำแหน่งต่างแดนตลอดจึงมีเงินเก็บกว่า 5 ล้านบาทแล้ว แต่เท้าของ พงษ์ศักดิ์เล็ก ยังไม่เคยลอยจากพื้นแม้แต่นิดเดียว

กระโจนสู่ผืนผ้าใบ

จากชีวิตวัยเยาว์ของเด็กชายพงศกร วันจงคำ ซึ่งไม่เคยคิดที่จะเป็นนักมวยเลย จนวันหนึ่งเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต ขีดเส้นให้เด็กหนุ่มผู้นี้ก้าวขึ้นสู่ผืนผ้าใบ โดยตอนนั้นเด็กชายพงศกรผู้นี้อายุเพียง 11 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.6 อยู่ที่โคราชบ้านเกิด บังเอิญแถวบ้านมีงานวัด แล้วโปรโมเตอร์ขาดนักมวยอยู่พอดี เวลากำลังกระชั้นเข้ามา หาใครไม่ทันหันไปไม่เห็นใครแล้วประกอบกับโปรโมเตอร์รู้จักกับที่บ้านพอดี เลยลองมาชวนเด็กชายพงศกรซึ่งตอนนั้นไม่เคยชกกับใคร เป็นเพียงเด็กในอู่ซ่อมรถของพ่อ แต่ตัดสินใจแบบตกกระไดพลอยโจนขึ้นชกทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องมวยเลย

ผลการชกในไฟต์นั้นเหมือนเป็นลางดี เมื่อเด็กอู่รถคว้าชัยชนะมาได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเจ้าตัวเองเผยว่าได้เงินรางวัลจากการชกครั้งนั้นเป็นจำนวนเงิน 100 บาท แถมบังเอิญยิ่งกว่าในการชกไฟต์นั้นเกิดมีแมวมองมาชมอยู่ด้วย แอบติดใจฝีไม้ลายมือของเขา จึงได้ตามจีบเข้าค่ายทันที แรกๆเจ้ากรก็ปฏิเสธเพราะไม่เคยมีความตั้งใจจะเป็นนักมวย แต่สุดท้ายทนลูกตื้อไม่ไหว ตัดสินใจลองชกมวยไทยดู

เจ้ากร หรือ "มังกรทอง ศิษย์เซียนเมฆ" ฉายาที่ใช้ในการชกมวยไทยระยะแรกที่โคราช และต่อมาเลื่อนระดับเข้ามาแถวตะเข็บกรุงเทพฯ ค่าตัวเพิ่มขึ้นมาเป็นหลักหลายพันบาท

หลังจากนั้น พงษ์ศักดิ์เล็ก มีโอกาสชกครั้งแรกในกรุงเทพฯที่สนามมวยลุมพินีโดยใช้ชื่อ "พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คะนองศึก" เรียกได้ว่าเจ้ากรชกมวยไทยหากินมาเรื่อยจากค่าตัว 100 บาท จนกระทั่งไต่ระดับมาได้ถึงสองหมื่นบาท ก่อนจะหันเหไปชกมวยสากลอาชีพในที่สุด

ความสำเร็จมิได้มาเพราะโชคช่วย

แน่นอนทางแห่งความสำเร็จจะโรยด้วยกลีบกุหลาบย่อมไม่มี การเริ่มต้นชีวิตนักมวยของ พงษ์ศักดิ์เล็ก นั้นสร้างความเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ให้กับตัวเขาหลายต่อหลายเที่ยว จนคิดจะหันหลังให้กับผืนผ้าใบและเดินทางกลับโคราชหลายหน แต่ดีที่ครูมวยสมัยนั้นทัดทานเอาไว้ทุกครั้ง มิฉะนั้นคงไม่มี พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม เช่นทุกวันนี้

ตัวเขาเองเปิดเผยว่า หลังจากผ่านจุดที่เหนื่อยที่สุดไปแล้ว ก็เริ่มรักและติดใจการชกมวยขึ้นมา โดยเปิดเผยว่าเคล็ดลับของความสำเร็จที่ทำให้ตัวเขาเองเดินมาได้จนถึงจุดนี้คือความขยัน และซื่อสัตย์ต่อตนเอง นอกจากนี้แล้วคนใกล้ตัวเขายังแอบเผยอีกว่า พงษ์ศักดิ์เล็ก ยังเป็นคนที่เคร่งครัดกับเรื่องของเวลามาก นัดไปไหน ไม่เคยสาย แถมบางครั้งไปก่อนเวลาเป็นชั่วโมงก็เคยมี

หลังความสำเร็จด้านการชกมวยไทยพอสมควร ในที่สุดจากสายตา ความเชื่อมั่นและการผลักดันของ "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ รวมทั้งทีมงาน"เพชรยินดี" ทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กได้ผันตัวเองมาชกสากลจนได้ก้าวขึ้นไปสู่การชิงแชมป์โลก และกระชากเข็มขัดมาได้จาก มัลคอล์ม ทูนากัล ที่จังหวัดพิจิตร สร้างความชื่นชมให้แก่แฟนมวยชาวไทยในที่สุด

จากวันนั้นถึงวันนี้ พงษ์ศักดิ์เล็ก นักมวยค่าตัว 100 บาทได้กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นฟลายเวต พิกัดน้ำหนัก 112 ปอนด์ ผู้ยิ่งยงของ WBC หรือสภามวยโลก เมื่อทำสถิติป้องกันเข็มขัดติดต่อกันมาถึง 16 ไฟต์รวด และได้จารึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ หรือ Hall of Fame ของ WBC ไปเรียบร้อยแล้ว


จากแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่สู่ฮอลล์ ออฟ เฟม

ทั้ง 16 ครั้งของการป้องกันเข็มขัดนั้น แม้พงษ์ศักดิ์เล็กเผยว่าประทับใจไฟต์แรกซึ่งกระชากแชมป์มาได้จากทูนากัลมากที่สุดนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไฟต์ที่เขาไม่มีวันลืมนั่นก็คือการป้องกันครั้งที่ 15 ซึ่ง "เจ้ากร" พงษ์ศักดิ์เล็ก ขึ้นชกกับ อีเวอราโด้ "เอล ซิฮัว" โมราเลส ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิโก

การชกในครั้งนั้นเรียกว่า "ศึกกระทิงแดงท้าประวัติศาสตร์บัลลังก์โลก WBC" ปรากฏว่าประหมัดกันไม่นาน การชกก็จบลงอย่างรวดเร็วเพียงในยกที่ 3 เท่านั้น

โดยตั้งแต่ยกแรกแชมป์โลกชาวไทยเป็นฝ่ายเดินเข้าหา พร้อมทั้งสาวหมัดใส่ผู้ท้าชิงเกือบตลอดเวลา ขณะที่ในยกที่สอง การชกยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม และเป็นผู้ท้าชิงชาวเม็กซิโกที่เพลี่ยงพล้ำ ถูกส่งลงไปนับ 8 แต่ก็ยังกัดฟันสู้ต่อไปจนหมดยก

การชกในยกที่ 3 พงษ์ศักดิ์เล็ก ยังคงเดินหน้าเข้าหาผู้ท้าชิง พร้อมกับชกจนนักชกแดนจังโก้ร่วงลงไปกองให้กรรมการนับ 8 อีกครั้ง และยังมีแผลแตกบริเวณหางคิ้วขวา จนต้องเรียกแพทย์สนามขึ้นมาดูบาดแผล แต่แพทย์ผู้ตรวจยืนยันว่าบาดแผลยังไม่เป็นอันตรายต่อผู้ท้าชิง จึงอนุญาตให้การชกดำเนินต่อไป

หลังจากนั้น "เจ้ากร" ได้โอกาส จึงไล่ระดมพายุหมัดเข้าใส่แผลแตกของผู้ท้าชิง จนกระทั่งกรรมการต้องเรียกแพทย์สนามเข้าตรวจบาดแผล โมราเลส อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้นายแพทย์ผู้ชี้ขาดไม่อนุญาตให้นักชกชาวเม็กซิกันชกต่อไปได้ จึงกลายเป็นการแพ้ ทีเคโอ ของโมราเลส

ชัยชนะครั้งนั้นนอกจากจะมีผลให้ พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 15 ได้สำเร็จแล้ว ยังทำให้เขากลายเป็นนักมวยระดับตำนานเมื่อได้รับเกียรติเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ "ฮอลล์ ออฟ เฟม" ของสภามวยโลก ต่อจากนักมวยไทยรุ่นพี่อย่าง แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, ชาติชาย เชี่ยวน้อย และ สด จิตรลดา

เป็นแชมป์โลกแต่ยังใช้ชีวิต "พอเพียง"

แม้จะเป็นแชมป์โลกที่เดินทางไปป้องกันตำแหน่งยังต่างแดนบ่อย ทำให้ได้เงินรางวัลเป็นกอบเป็นกำ จนปัจจุบัน พงษ์ศักดิ์เล็ก ในวัย 29 ปีนั้น ด้วยความมัธยัสถ์ทำให้เขามีเงินเก็บในธนาคารเฉียด 5 ล้านบาท แถมด้วยการซื้อที่ดินสะสมไว้ที่บ้านเกิดโคราชอีกหลายผืนด้วย

ด้วยสถานภาพของพงษ์ศักดิ์เล็กซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้แต่งงาน แต่คบหากับแฟนสาวอยู่ ทว่าจากความไม่ประมาทในเส้นทางชีวิตการค้ากำปั้นซึ่งค่อนข้างสั้นและไม่แน่นอน โดยตัวอย่างจากนักมวยรุ่นพี่ซึ่งประสบความยากลำบากหลังแขวนนวมเลิกชกไปแล้วมีให้เห็นอย่างดาษดื่น

แชมป์โลกผู้นี้ยังคงดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงและใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ในปัจจุบันก็ยังอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆในค่ายมวยซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 เหมือนตอนเข้ามาอยู่กรุงเทพฯใหม่ๆ เนื่องจากตัวเขาเองคิดจะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะตั้งเป้าว่าหลังชกอีกเพียง 3-4 ปี ก็จะขอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดโคราช เพราะไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองหลวง

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ชกมวย พงษ์ศักดิ์เล็ก เผยสาเหตุที่ทำให้ตัวเขาประสบความสำเร็จว่า อยู่ที่ระเบียบ วินัยในการฝึกซ้อมและการบังคับตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง จนกระทั่งปัจจุบันเขาก็ยังไม่เคยลืมตัว และระมัดระวังเรื่องเวลาการนัดหมายเป็นอย่างมาก

เผยไม่เคยคิดทำลายสถิติ "เขาทราย"

แน่นอนปี พ.ศ. 2550 หลังจากทีมงาน "เพชรยินดี" และ "เสี่ยตังค์" ปิยะรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ได้ประกาศแผนการบันได 4 ขั้น เพื่อให้ พงษ์ศักดิ์เล็ก ป้องกันตำแหน่ง 4 ไฟต์รวดในปีนี้ โดยหลังจากที่จะมีคิวอุ่นเครื่องในวันที่ 26 มกราคม นี้ หลังจากนั้นก็จะเตรียมตัวป้องกันตำแหน่งไฟต์ที่ 17 ในช่วงเดือนมีนาคม ไฟต์ที่ 18 เดือนมิถุนายน ไฟต์ที่ 19 เดือนกันยายน และสุดท้ายไฟต์ที่ 20 ซึ่งจะทำลายสถิติของ เขาทราย กาแล็คซี่ ในเดือนธันวาคม เพื่อเป็นการฉลองพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

เจ้าตัวพงษ์ศักดิ์เล็ก ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนว่า "ผมไม่อยากให้คิดว่าเป็นการทำลายสถิติของพี่เขาทราย พี่เขาเป็นนักชกที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย และเป็นตำนานไปแล้ว อยากให้คิดว่านี่เป็นสถิติของผมเองไม่เกี่ยวกับใคร ผมจะมองการชกทีละไฟต์เท่านั้น ไม่เคยคิดที่จะทำลายสถิติใคร"

ปูทางหาเลี้ยงชีพในอนาคตไว้แล้ว

นอกจากเรื่องของหมัดๆมวยๆและการทำลายสถิติป้องกันแชมป์แล้ว ตัวพงษ์ศักดิ์เล็ก ก็ยังไม่ประมาท ได้มองไกลไปถึงแผนการวางอาชีพในอนาคตหลังแขวนนวมไปแล้ว โดยนักชกจากโคราชผู้นี้ได้เปิดเผยว่า

"ผมจะขอชกต่ออีก 3-4 ปีเท่านั้น จากนั้นจะขอเดินทางกลับไปอยู่โคราชบ้านเกิด เพราะไม่ชอบอยู่อย่างแออัดในกรุงเทพฯ ขณะนี้ได้เตรียมแผนการลงทุนธุรกิจเล็กๆเอาไว้ อย่างเช่น การเปิดมินิมาร์ท เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของ ซีพี ก็ได้คุยกันไว้บ้างแล้ว แต่ที่ได้ลงมือทำไปแล้วนั่นก็คือการร่วมลงทุนผลิตครีมนวดไทยแชมเปี้ยน ซึ่งเป็นนวัตกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย ลองใช้เองแล้วได้ผลจริง กล้ารับประกัน ใช้อยู่ทุกวัน ช่วยผ่อนคลาย รักษาลดอาการอักเสบ ปวดบวมปวดเมื่อย นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว ที่เด่นก็มี พิมเสนน้ำ ใครสนใจจะใช้หรือรับไปจำหน่ายติดต่อได้ที่เบอร์ 08-1259-2727 และ 08-1584-8382 นอกจากนี้ในอนาคตผมก็ยังอยากจะเปิดโรงเรียนสอนชกมวย ร้านนวดแผนไทย รวมทั้งเปิดสอนการนวดเพื่อผลิตคนนวดที่มีความรู้อย่างจริงๆจังๆด้วย"

สุดท้ายแล้วด้วยสภาพที่วงการมวยสากลของไทยเรากำลังซบเซาและขาดแคลนแชมป์โลกเป็นอย่างมาก แฟนมวยของเราคงต้องเอาใจช่วย พงษ์ศักดิ์เล็ก ให้สามารถรักษาเข็มขัดและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยของเราต่อไปนานๆ นอกเหนือไปกว่านั้นยังต้องส่งใจเชียร์ให้เขาประสบความสำเร็จในสังเวียนชีวิต เหมือนที่เคยทำได้บนเวทีมวยมาแล้วด้วย

* * * * * * * * * * * *

ชื่อจริง : พงศกร วันจงคำ
ชื่อเล่น : กร
เกิด : 11 สิงหาคม พ.ศ. 2520
อายุ : 29 ปี
บ้านเกิด : นครราชสีมา
ส่วนสูง : 163 เซนติเมตร
สถิติการชกสากล : 65-2-0
เทรนเนอร์ : พยัคฆ์ ช.พิมล
ผู้จัดการ : วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์

* * * * * * * * * * * *

เรื่อง - ทีมข่าวกีฬา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน